ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่ตีคริกเก็ตเป็นกีฬาหลักอย่าง “อินเดีย” จะบุกมาสยบ “ทีมชาติไทย” ของเราได้ถึงบ้านในศึก คิงส์คัพ ยิ่งสะท้อนฟอร์มการเล่นของทัพช้างศึกไทยในยุคนี้ที่สาละวันเตี้ยลงทุกที หากนับรวมความพ่ายแพ้เละเทะต่อแข้งภารตะ 4-1 ก่อนหน้านี้ในศึก เอเชี่ยนคัพ รวมไปถึงการแพ้คู่รักคู่แค้นอย่าง เวียดนาม คาบ้านก็ดูจะยิ่งตอกย้ำความย่ำแย่ของทัพช้างศึกให้เจ็บลึกกันเข้าไปอีก อะไรพาทีมไทยมาถึงจุดนี้ได้ลองมองย้อนกลับไปดูในอดีตที่ผ่านมา จะรู้ว่ามันเป็นการเดินงานที่ผิดพลาดมาตลอด
ใครไม่อายแต่ผมอาย
สองปีก่อน ทีมชาติไทย ก็ไปได้ดีในยุคของ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่พาทีมผ่านเข้าไปเล่นในศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ในรอบ 12 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ซึ่งก็จะเหลือแต่ทีมเขี้ยวลากดินของเอเชียทั้งนั้นในรอบนี้ แต่การโดน ซาอุดิอาระเบีย ถล่มคาบ้าน 3-0 และบุกไปแพ้ ญี่ปุ่น 4-0 ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ในสายตาของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่ออกมาบอกว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้น่าอับอาย สุดท้ายซิโก้ประกาศสละตำแหน่งซึ่งกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการหลงทิศหลงหลงทางครั้งใหญ่ของบอลไทย
เลือกโค้ชแบบชุ่ยๆ
เมื่อตำแหน่งว่างลง แทนที่สมาคมจะพิจารณาทาบทามกุนซือคนใดคนหนึ่งที่มีแนวทางเหมาะสมกับฟุตบอลไทย แต่กลับใช้วิธีเปิดรับสมัครแบบเหวี่ยงแห ไร้การวางแผนไม่มีแนวทางใดๆ ทั้งสิ้น ผลคือกุนซือว่างงานทั่วโลกแห่แหนกันเข้ามาสมัคร แต่ที่ดันไปโดนใจประธานฝ่ายเทคนิคเจ้าของคัมภีร์ “ไทยแลนด์เวย์” โค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล คือ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือหลงยุคชาวเซอร์เบียที่ตกงานมานานแต่ดูมีราคาเพราะดีกรีเคยพา กาน่า เข้าถึงรอบแปดทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก ซึ่งโค้ชเฮงมั่นใจว่าจะซ่อมเกมรับที่เป็นจุดอ่อนของไทยได้แน่
ของเก๊ “ราเยวัช”
มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ระบบการตั้งรับของทีมชาติไทยในยุค มิโลวาน ราเยวัช คือแผนรถบัสดีๆ นี่เอง เขาสั่งให้นักเตะทั้งทีมช่วยกันลงไปกองแถวหน้าประตูตัวเอง แน่นอนว่าทีมเสียประตูน้อยลง แต่สุดท้ายก็แพ้อยู่ดี วิบากกรรมของทีมชาติไทยยังไม่จบแค่นั้น เพราะยังมีแฟนบอลบางกลุ่มเชื่อว่ามันเป็นทรงฟุตบอลที่ดีจนเป็นที่มาของคำว่า “แพ้แต่ทรงดี” และยังได้รับการสนับสนุนจากโค้ชเฮงที่มักจะออกมาชมกุนซือจอมอุดรายนี้อยู่บ่อยๆ จน ราเยวัช ได้ต่อสัญญาซึ่งทำให้เขารับทรัพย์ก้อนใหญ่ตอนโดนไล่ออก จุดจบของ ราเยวัช คือการตกรอบตัดเชือกศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2018 ด้วยฝีเท้า มาเลเซีย ตามมาติดๆ ด้วยการโดน อินเดีย ถล่มเละ 4-1 ซึ่งทำให้เขาโดนปลดกลางอากาศในศึก เอเชียน คัพ 2019
ยังไม่เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์
การมารับเผือกร้อนของโค้ชโต่ย ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ทำให้อาการโดยรวมของทีมชาติไทยยังทรงๆ ทรุดๆ แม้จะพาทีมเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายใน เอเชี่ยนคัพ แต่ความพ่ายแพ้คาบ้านให้กับทั้ง อินเดีย และ เวียดนาม ก็ทำให้อนาคตของทีมไทยดูมืดมนมากกว่าจะเห็นแสงสว่าง นายกสมาคมและโค้ชเฮงต้นตำรับไทยแลนด์เวย์ต่างก็ปิดปากเงียบไม่ยอมให้สัมภาษณ์หลังจบศึก คิงส์คัพ เหนืออื่นใดคือการพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดของ เวียดนาม คู่แข่งเพื่อนบ้านที่ทำผลงานได้ดีในเวทีระดับเอเชียทั้งชุดเล็กชุดใหญ่ หลังจากนี้จะทำให้ ทีมชาติไทย ของเราต้องเจอกับความกดดันและความท้าทายใหญ่หลวงแน่นอน
