เรียบเรียงจากบทความของ แกรี่ เนวิลล์ อดีตฟูลแบ็คทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
นักเตะตำแหน่งฟูลแบ็คในปัจจุบันรับบทบาทหน้าที่ยากกว่าเมื่อ 20 ปีก่อนมาก สาเหตุหนึ่งคือฟูลแบ็คในปัจจุบันไม่สามารถเล่นบอลหนักหรือไล่อัดเพื่อหยุดศัตรูสำคัญคือปีกฝ่ายตรงข้ามได้เหมือนในอดีต เหตุผลก็เพราะกติกาฟุตบอลในปัจจุบันมีความเข้มงวดกว่าในอดีตมาก ส่วนอีกสาเหตุคือปีกในยุคปัจจุบันเปลี่ยนวิธีการเล่นไปมาก นักเตะอย่าง ซาลาห์, มาเน่, สเตอร์ลิง, เบอร์นาร์โด ซิลวา ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ พวกเขาไม่เชิงเป็นผู้เล่นปีกเต็มตัวแต่มีลักษณะเป็นกองหน้าที่โจมตีจากด้านข้างมากกว่า(Wide Forward) แกรี่บอกว่าในอดีตเขาจะเจอแต่ผู้เล่นปีกสไตล์เก่าที่เล่นในระบบ 4-4-2 ที่เน้นการครอสบอลจากริมเส้นเป็นส่วนใหญ่แต่น้อยครั้งมากที่พวกเขาจะเลี้ยงบอลเจาะใส่ฟูลแบ็ค เขายกตัวอย่าง แฮร์รี่ คีเวลล์ อดีตตัวริมเส้นของ ลิเวอร์พูล ที่มีสไตล์การเล่นแนวๆ นี้
ฟูลแบ็คในฟุตบอลยุคใหม่ต้องเป็นพวกสายบุก ต้องมีทักษะการครองบอลที่ดีและยังต้องมีความอึดที่จะวิ่งขึ้นลงได้ถึง 12-13 กิโลเมตรต่อเกม ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังต้องเจอกับงานยากในการป้องกันเกมบุกของคู่แข่ง ฟูคแบ็คยุคใหม่ต้องมีความสามารถหลากหลายมากกว่าในยุคก่อนๆ แกรี่ยกตัวอย่าง นีล โรเบิร์ตสัน ฟูลแบ็คของ ลิเวอร์พูุล แข้งชาวอังกฤษรายนี้เติมเกมได้อย่างแข็งขันและที่สำคัญคือความสามารถในการเล่นเกมรับของเขาที่น่าทึ่ง อีกคนที่มีบทบาทในการปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นของฟูลแบ็คยุคใหม่คือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ใช้ประโยชน์นักเตะตำแหน่งนี้ได้อย่างคุ้มค่า เขาให้ฟูลแบ็คมายืนในตำแหน่งมิดฟิลด์เพื่อหยุดเกมโต้กลับของคู่แข่ง โดยที่บทบาทในการช่วยทีีมเติมเกมรุกริมเส้นยังคงอยู่ รวมไปถึงการช่วยทีมป้องกันริมเส้นเวลาตั้งรับด้วย สำหรับต้นแบบของนักเตะฟูลแบ็คยุคใหม่ แกรี่มองว่า คาฟู และ โรแบร์โต้ คาร์ลอส สองตำนานนักเตะชาวบราซิลคือต้นตำรับที่มีอิทธิพลต่อวิธีการเล่นของนักเตะตำแหน่งนี้ยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้