ถ้วยยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก บาร์เซโลนา ลิเวอร์พูล

เมื่อปาฏิหารืย์บังเกิด! 3สุดยอดการคัมแบ็คที่ต้องจารึกในถ้วยแชมเปียนส์ลีก

สุดยอดคัมแบ็คของ ลิเวอร์พูล ที่เปิดบ้านถล่ม บาร์เซโลน่า 4-0 คงจะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไปอีกนาน แต่ปาฏิหาริย์ในถ้วย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ไม่ได้มีแค่นี้ สุดยอดการคัมแบ็คเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หลายครั้งและก็มีความน่าทึ่งไม่ต่างกันเลย ฤดูกาล 2017-18 โรม่า 3-0…

Home / SPORT / เมื่อปาฏิหารืย์บังเกิด! 3สุดยอดการคัมแบ็คที่ต้องจารึกในถ้วยแชมเปียนส์ลีก

สุดยอดคัมแบ็คของ ลิเวอร์พูล ที่เปิดบ้านถล่ม บาร์เซโลน่า 4-0 คงจะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไปอีกนาน แต่ปาฏิหาริย์ในถ้วย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ไม่ได้มีแค่นี้ สุดยอดการคัมแบ็คเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หลายครั้งและก็มีความน่าทึ่งไม่ต่างกันเลย

ฤดูกาล 2017-18 โรม่า 3-0 บาร์เซโลน่า สกอร์รวม 4-4 (โรม่าเข้ารอบด้วยกฎอเวย์โกล)

เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นกับ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาลก่อนนี้เอง รอบแปดทีมสุดท้าย เลกแรกทีมดังแห่งแคว้นคาตาลันเปิดบ้านถล่มหมาป่ากรุงโรม โรม่า สบายเท้า 4-1 แต่นัดนี้ โรม่า ต้องขอบคุณ เอดิน เซโก้ ที่ช่วยยิงอเวย์โกล์สำคัญช่วงท้ายเกมทำให้ทีมไม่ต้องกลับบ้านมือเปล่า ส่วนในเกมเลกสองสถานการณ์มาตาลปัตรเมื่อกองหน้าชาวบอสเนียเจ้าเก่ากระทุ้งประตูช่วยให้ทีมเจ้าบ้านขึ้นนำอย่างรวดเร็วในนาทีที่ 8 ก่อนจะตามมาด้วยจุดโทษของ ดาเนียเล่ เด รอสซี่ และประตูชัยจากการโหม่งของ คอสตาส มาโดลาส สุดท้าย โรม่า ชนะไป 3-0 เข้ารอบด้วยกฎอเวย์โกล์ส่งบาร์ซ่ากลับบ้านอย่างเจ็บปวด

ฤดูกาล 2003-04 เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า 4-0 เอซี มิลาน สกอร์รวม 5-4

“ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายสิ่งที่คุณคาดหมายด้วยเหตุผลไม่ได้” ฮาเวียร์ อิรูเรต้า กุนซือ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า กล่าวหลังจบเกมที่ทีมของเขาบุกไปโดน เอซี มิลาน ถล่ม 4-1 ในรอบแปดทีมสุดท้าย และสิ่งที่เขาพูดก็ไม่ผิดนัก เมื่อมิลานที่มีขุมพลังสุดแกร่งในขณะนั้น มัลดินี่, เนสต้า, คาฟู, ซีดอร์ฟ, ปีร์โล่, กาก้า, เชฟเชนโก้ เล่นไม่ออกในเกมเลกสอง พวกเขาโดนเจ้าถิ่น เดปอร์ติโบ เรียงหน้าถล่มอย่างต่อเนื่องก่อนจะพ่ายไป 4-0 ตกรอบไปแบบไม่น่าเชื่อ

ฤดูกาล 2017-18 บาร์เซโลน่า 6-1 ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สกอร์รวม 6-5

นี่คือสุดยอดการคัมแบ็คในถ้วย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังจากที่บุกไปโดน เปแอชเช ถล่มมาขาดลอย 4-0 ในนัดแรก รอบ 16 ทีมสุดท้าย บาร์ซ่ารู้ดีว่าต้องกลับมาบุกแหลกในเกมเลกสองใน คัมป์นู บ้านตัวเอง และสถานการณ์ก็เข้าทางอย่างที่สุดเมื่อพวกเขาเริ่มต้นได้ดีขึ้นนำทีมเยือนไปก่อน 2-0 ในครึ่งแรกและมาได้ประตูที่สามในนาทีที่ 50 จากจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ แต่เกิดเหตุหักมุมเมื่อ เอดิสัน คาวานี่ มายิงประตูตีไข่แตกสุดล้ำค่าให้ปารีสฯในนาทีที่ 62 ซึ่งแทบจะดับฝันโอกาสเข้ารอบของบาร์ซ่าเพราะพวกเขาต้องยิงอีกถึงสามประตูในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดในช่วงท้ายเกมเมื่อ เนย์มาร์ มาซัดสองประตูในนาทีที่ 88, 90+1(จุดโทษ) ก่อนที่ เซร์กี้ โรแบร์โต้ จะยิงประตูสุดท้ายส่งบาร์ซ่าชนะ 6-1 เข้ารอบไปอย่างสุดเหลือเชื่อ