เกม พรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์นี้จะเป็นการโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งของ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูฯ หลังจาก เกมแดงเดือด ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเป็นเหตุให้ โฆเซ่ มูรินโญ่ โดนตะเพิดออกจากตำแหน่งกุนซือ แมนฯ ยูฯ เพราะกุนซือชาวโปรตุเกสคุมทัพปีศาจแดงบุกไปโดน ลิเวอร์พูล สอยร่วงคา แอนฟิลด์ 3-1
จากความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นเป็นเหมือนการพลิกฟื้นให้ทีมปีศาจแดงได้คืนชีพอีกครั้งเมื่อพวกเขาเปลี่ยนแม่ทัพมาเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตนักเตะเก่ายุคผีแดงรุ่งเรืองที่แฟนบอลเกือบทุกคนให้การสนับสนุน และผลงานของทีมก็ดีขึ้นชนิดผิดหูผิดตาจนปัจจุบันทีมปีศาจแดงยังไม่พบความพ่ายแพ้ใน พรีเมียร์ลีก เลยแม้แต่นัดเดียว
กู้ศรัทธานักเตะ
สิ่งแรกที่กุนซือชาวนอร์เวย์กอบกู้คืนมาได้คือสภาพจิตใจของนักเตะ บรรยากาศสุดเลวร้ายในทีมช่วงที่ มูรินโญ่ ทำทีมได้จางหายไปอย่างรวดเร็ว พลพรรคทีมปีศาจแดงกลับมาสดชื่นแจ่มใสอีกครั้งโดย ลุค ชอว์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า “เขาพลิกทีมในระยะเวลาสั้นๆ เขาคือกุนซือที่มองบวก เขารู้ดีว่าสโมสรต้องการอะไรและแฟนบอลอยากให้เราเล่นสไตล์ไหน”
ปลดปล่อยป็อกบา
หลังการจากไปของ มูรินโญ่ ไม่มีนักเตะคนไหนในทีมที่ระเบิดฟอร์มออกมาได้เทียมเท่า ปอล ป็อกบา และจะเป็นนักเตะที่ทัพหงส์แดงพึงระวังมากที่สุดในเกมวันอาทิตย์นี้ โซลชาร์ ปล่อยให้ ป็อกบา ได้เล่นเกมรุกอย่างอิสระโดยมี เนมานย่า มาติช กับ อันเดร เอร์เรร่า คอยเก็บกวาดอยู่ด้านหลังและผลออกมาก็ดีเกินคาด จากทั้งหมดเก้าเกมในลีก จอมทัพชาวฝรั่งเศสซัดไปแล้วแปดประตู ห้าแอสซิสต์ ขณะที่เกมโต้กลับของทีมก็กลับมาทำงานอีกครั้งและมีประตูให้เห็นบ่อยๆ โดยมี มาร์คัซ แรซฟอร์ด เป็นตัวชูโรงในแดนหน้าหลังจากที่แนวรุกดาวรุ่งรายนี้ได้เล่นในตำแหน่งที่ตัวเองถนัดคือกองหน้าเป้า
จัดเกมรับใหม่
เกมรับทีมปีศาจแดงดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นักเตะอย่าง ฟิล โจนส์, วิคตอร์ ลินเดลอฟ, เอริก ไบยี่ ก็พร้อมใจกันพลิกฟอร์มมาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม จากที่เสียไป 29 ประตูใน 17 เกมแรกในลีก พอเปลื่ยนมือกุนซือ พวกเขาเสียไปแค่หกประตูจากเก้าเกมหลังสุด และที่ต้องชมเพิ่มคือสองมิดฟิลด์ตัวรับ เนมานย่า มาติช กับ อังเดร เอร์เรร่า ที่ช่วยกันจัดการเกมรุกคู่แข่งได้บางส่วนก่อนที่ภาระจะไปถึงแดนหลัง