ใกล้ประเดิมสนามนัดแรกเต็มทีสำหรับ ทีมชาติไทย กับการลุยศึก เอเชียนคัพ 2019 ที่ ยูเออี เป็นเจ้าภาพ โดยคู่แข่งนัดเปิดงานของไทยก็คือ อินเดีย ซึ่งเตรียมจะลงฟาดแข้งกันในวันอาทิตย์นี้
ขุนพลจากแดนภารตะผ่านเข้ามาเล่นใน เอเชียนคัพ รอบสุดท้าย ครั้งล่าสุดคือในปี 2011 ซึ่งพวกเขาตกรอบแรกจากการแพ้รวดทั้งสามนัด โดนถล่มไปทั้งหมด 13 ประตู ปัจจุบันพวกเขาอยู่ในอันดับ 97 ของ ฟีฟ่า เวิลด์ แรงค์กิ้ง ถ้านับเฉพาะชาติจากเอเชีย พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 15 สาเหตุที่อันดับโลกของพวกเขาสูงขึ้นมาได้เพราะการชนะทีมอย่าง ไชนีส ไทเป, เปอโตริโก, ลาว, ปากีสถาน รวมถึงการยันเสมอ จีน (อันดับ76), โอมาน(อันดับ 82) แบบไร้สกอร์ทั้งสองนัด
เอเชียนคัพ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ของพวกเขา ผลงานดีที่สุดคือการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในปี 1964 พวกเขาป็นทีมแรกๆ ที่ได้ผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย โดยในรอบคัดเลือกพวกเขาเอาชนะเพื่อนร่วมสายทั้ง เมียนมาร์, คีร์กีซสถาน, มาเก๊า มีแต้มเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม อินเดีย ชุดนี้อุดมไปด้วยแข้งดาวรุ่งพลังหนุ่ม ด้วยอายุนักเตะทั้งทีมเฉลี่ย 24 ปีนิดๆ ทำให้ อินเดีย เป็นทีมที่ “เด็ก” ที่สุดอันดับสามในทัวร์นาเมนต์นี้
โดยในทีมชุดนี้มีเพียง สุนิล เชตรี และ เจเจ ลาเปกลู สองกองหน้าเก๋าประสบการณ์ที่ติดทีมชาติเกิน 30 นัด โดยเฉพาะ สุนิล เชตรี ดาวยิงความหวังของทีม ติดทีมชาติทั้งหมด 104 นัด ยิงไป 65 ประตู ทีมจากแดนโรตีพยายามเลือกนักเตะหน้าใหม่ และดาวรุ่งที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์รับใช้ชาติเข้ามาติดทีม นับตั้งแต่รอบคัดเลือกในปี 2017 สตีเฟน คอนสแตนติน กุนซือชาวอังกฤษให้โอกาสนักเตะหน้าใหม่ประเดิมทีมชาติถึง 27 คนและมีถึง 10 คนที่ติดทีมมาในทัวร์นาเม้นต์นี้
เฮนรี่ เมเนเซส อดีตแข้งดังของ อินเดีย ให้ความเห็นว่าแม้ทีมชุดนี้จะไร้ประสบการณ์ แต่พวกเขาก็เคยได้ดวลกับนักเตะระดับคุณภาพอย่าง ทิม เคฮิลล์, ดิเอโก ฟอร์ลัน, ลูซิโอ, ฟลอรองต์ มาลูด้า จากการเล่นในสโมสรของตัวเองใน ไอลีก ซึ่งประสบการณ์แบบนี้จะมีประโยชน์อย่างมาก ส่วน ชาจิ ปราบาการาน ผู้จัดการทีมมองว่า อินเดีย มีโอกาสเข้ารอบได้ พวกเขาจะต้องเล่นให้เหนียวแน่นกับ ทีมชาติไทย และผลการแข่งขันต้องออกมาเป็นใจเพื่อที่จะไปลุ้นเอาชนะ บาห์เรน ในนัดสุดท้าย