ไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปลี่ยนแปลงชนิด “ฟ้าผ่า” ของทีมชาติไทย ที่มีการตัดสินใจปลดแม่ทัพกลางศึก “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย จากผู้ช่วยโค้ชนอกสายตา ถูกแต่งตั้งให้ขึ้นขัดตาทัพคุมทีมชาติไทย โดยมี โชคทวี พรหมรัตน์ รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน
ซึ่งจากสถานการณ์ที่แฟนบอลชาวไทยหมดความเชื่อมั่น หลังต้องซุ่มเสี่ยงที่จะกระเด็นตกรอบแรกเอเชียนคัพ 2019 เมื่อเป็นฝ่ายพ่าย ทีมชาติอินเดีย หมดรูป 1-4 ในนัดแรก กระทั้งถึงเกมที่ต้องลงพบกับ ทีมชาติบาห์เรน ที่เขาตารุกวาวเมื่อมองเห็น ไทย เป็นโอกาสในการเข้ารอบน็อกเอาท์
แข่งขันวันที่ 10 มกราคม 2019
สนาม อัล มัคตูม สเตเดียม, นครดูไบ
เวลา 18.00 น.
ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และ FOX Sports HD
ความพร้อม
ทีมชาติไทย : หลังการแต่งตั้ง ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ขึ้นมาขัดตาทัพสถานการณ์ในทีมก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น จากการฝึกซ้อมดูแล้ว ช้างศึก มีโอกาสสูงที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่น และตัวผู้เล่น เริ่มจาก ผู้รักษาประตูจาก ฉัตรชัย บุตรพรม มาเป็น ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน รวมถึงโอกาสในการเล่นเกมรับ 3 คน โดยมี ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีม เป็นกำลังหลัก
ทีมชาติบาห์เรน : พวกเขามีความเชื่อมั่นในการพบกับ ไทย ที่มองเห็นโอกาสในการเข้ารอบต่อไปหากสามารถเอาชนะในเกมนี้ มิโรสลาฟ ซูคุป กุนซือชาวเช็คพาทีมเริ่มต้นด้วยการเสมอเจ้าภาพยูเออี 1-1 คาดว่ากำลังหลักในเกมที่ผ่านมาจะลงชื่อลงสนามกันครบเช่น อาลี มาดาน, ฮามัด อัล ชัมซาน และมุฮัมมัด อัล รุไมฮี ที่ยิงประตูในเกมที่แล้ว
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ทีมชาติไทย
ทีมชาติบาห์เรน
สถิติที่เคยพบกัน
– เฮดทูเฮดของทั้งสองทีมเคยพบกันทั้งหมด 7 ครั้ง และเป็น บาห์เรน มีสถิติที่เหนือกว่า โดยชนะ 2 นัด เสมอ 4 นัด เเละเเพ้ 1 นัด โดยนัดล่าสุดที่ทั้งสองพบกัน ต้องย้อนไปในปี 2015 ไทย เสมอ บาห์เรน 1-1 ในนัดอุ่นเครื่องกระชับมิตร
– ชัยชนะของทัพช้างศึก ครั้งล่าสุด และ ครั้งเดียวที่มีเหนือ บาห์เรน ในเกมที่ฟีฟ่ารับรองนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 39 ปีที่แล้ว หรือในปี 1980 ที่เฉือนเอาชนะไปได้ 1-0 ในฟุตบอลรายการพิเศษ เพรสซิเด้นท์ คัพ ที่ประเทศเกาหลีใต้