ประตูชัยเฉือน ทีมชาติบาห์เรน 1-0 ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ทำให้ ทีมชาติไทย ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ โดย ช้างศึก กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ดีอีกครั้ง ในการลุ้นผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เอเชียนคัพ 2019 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบัน ถือว่าทั้ง 4 ทีมในกลุ่มเอ ยังมีลุ้นผ่านเข้าสู่รอบต่อไปทั้งหมด โดยจ่าฝูงเป็นเจ้าภาพอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มี 4 คะแนน ตามมาด้วย รองจ่าฝูง อินเดีย ที่แม้ว่ามี 3 คะแนนเท่ากับ ไทย แต่ ‘เฮดทูเฮด’ ดีกว่า และอันดับ 4 บาห์เรน มี 1 คะแนน โดยนัดสุดท้ายนั้น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะพบกับ ไทย และ อินเดีย จะพบกับ บาห์เรน
โดยสรุปเงื่อนไขการเข้ารอบของ ‘ช้างศึก’ มีดังนี้
– ในกรณีที่ชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ได้สำเร็จ จะทำให้มีเพิ่มเป็น 6 คะแนน การันตี การผ่านเข้าสู่รอบต่อไปทันที ในฐานะอันดับ 1 หรือ 2 ของกลุ่ม ซึ่งถ้าจบด้วยการเป็น ‘แชมป์กลุ่ม’ ต้องลุ้นให้ อินเดีย ไม่ชนะ บาห์เรน เพราะในกรณีที่ อินเดีย เกิดชนะขึ้นมา จะทำให้มี 6 คะแนนเท่ากัน แต่พวกเขา ‘เฮดทูเฮด’ ดีกว่า
– ในกรณีที่ ช้างศึก เสมอ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) จะทำให้มีเพิ่มเป็น 4 คะแนน ซึ่งถ้าต้องการจบเป็น ‘รองแชมป์กลุ่ม’ ต้องลุ้นให้ บาห์เรน ชนะ อินเดีย เท่านั้น เพราะแม้ว่า บาห์เรน จะมีเพิ่มเป็น 4 คะแนนเท่ากัน แต่ ทีมชาติไทย ยังมี ‘เฮดทูเฮด’ ที่ดีกว่า และ กลับกัน ในกรณีที่ อินเดีย ไม่แพ้ บาห์เรน จะทำให้ ‘ช้างศึก’ หล่นมาจบอันดับ 3 ของตารางทันที ต้องไปลุ้นเข้ารอบ ในฐานะ อันดับ 3 ดีที่สุด 4 ทีมจาก 6 กลุ่ม
– ในกรณีสุดท้ายหาก ช้างศึก พลาดท่าแพ้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) จะทำให้มี 3 คะแนนเท่าเดิม ดังนั้น ต้องลุ้นให้ บาห์เรน ไม่ชนะ อินเดีย เท่านั้น จึงจะจบอันดับ 3 ของตาราง และต้องไปลุ้นเข้ารอบ ในฐานะ อันดับ 3 ดีที่สุด 4 ทีมจาก 6 กลุ่ม
สำหรับโปรแกรมนัดสุดท้าย ทีมชาติไทย จะพบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ส่วน ทีมชาติอินเดีย จะพบกับ ทีมชาติบาห์เรน แข่งขันวันที่ 14 มกราคมนี้ ในเวลาเดียวกัน 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย