ผู้ประกอบการ SME ไทยกำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรง และความจำเป็นในการควบคุม Cash Flow ให้แม่นยำกว่าเดิม หลายธุรกิจเริ่มต้นจากการใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น Excel หรือโปรแกรมแยกส่วน แต่เมื่อธุรกิจเติบโต ระบบเดิมมักไม่สามารถรองรับปริมาณข้อมูลและความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นได้ทัน
ปัญหาที่พบได้บ่อยคือการบริหารสต็อกที่ไม่สอดคล้องกับยอดขาย การปิดงบล่าช้า และการมองไม่เห็นภาพรวมธุรกิจแบบ Real-time ส่งผลให้การตัดสินใจต้องอาศัยการคาดเดามากกว่าข้อมูลจริง ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญของ SME ในยุคที่การแข่งขันเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Cloud ERP จึงเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในกลุ่ม SME เพราะช่วยเชื่อมโยงงานบัญชี การขาย และ Inventory Management หรือการบริหารสต็อกไว้ในระบบเดียว ลดงานซ้ำซ้อน และทำให้ข้อมูลพร้อมใช้งานมากขึ้น หนึ่งในแพลตฟอร์มที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องคือ Microsoft Dynamics 365 ซึ่งถูกพัฒนาเพื่อรองรับธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงระดับองค์กร
โซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจขนาดกลางโดยเฉพาะอย่าง Microsoft D365 Business Central เป็นตัวอย่างของ Cloud ERP ที่ช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถติดตามยอดขาย สต็อกสินค้า และข้อมูลทางการเงินได้แบบ Real-time ผ่านอุปกรณ์พกพา พร้อมเชื่อมต่อกับเครื่องมือที่ SME คุ้นเคยอยู่แล้ว เช่น Excel หรือ Microsoft Teams
ในประเทศไทย มีบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีหลายแห่งที่มีบทบาทในการช่วย SME นำระบบระดับองค์กรมาปรับใช้กับการทำงานจริง หนึ่งในนั้นคือ Quick Transformation ซึ่งมีประสบการณ์ในการวางระบบ Microsoft Dynamics 365 ให้กับธุรกิจหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเน้นการออกแบบระบบให้เหมาะกับขนาดและการเติบโตของแต่ละองค์กร
ข้อมูลจาก สสว. (OSMEP) และสภาพัฒน์ฯ ชี้ว่า SME เป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจไทย แต่ยังต้องเผชิญข้อจำกัดด้านต้นทุนและการบริหารจัดการ การนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ควบคู่กับความเข้าใจบริบทธุรกิจ จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ SME สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ในโลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น การมีระบบที่ช่วยจัดระเบียบข้อมูล ลดงานซ้ำซ้อน และสนับสนุนการตัดสินใจด้วยข้อมูลจริง อาจเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ SME ไทยปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
