เริ่มต้นของการเดินทางวันแรก พวกเราขับรถไปเอาฤกษ์ เอาชัย ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กันที่ วัดถ้ำแจง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี สักการะขอพร “พ่อปู่พญาเพชรคีรี มหามุนี ศรีสุทโธนาคราช” องค์พญานาคแห่งแรกของเพชรบุรี ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีสีสันสวยงามและอลังการ งานนี้ สายมู อย่างเรา ก็ไม่พลาดที่จะขอพรให้ เฮงๆ ปังๆ ร่ำรวยๆ กันค่ะ
อิ่มบุญ อิ่มใจกันไปแล้ว กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง พวกเราเดินทางมาทานอาหารกลางวันกันที่ ร้านอาหาร“บ้านอิสระ“ ร้านอาหารเก่าแก่ ที่อยู่คู่หัวหิน มาเกือบ 30 ปี ที่ยังคงความอร่อย สด สะอาด บริการดี ไม่เปลี่ยนแปลง เมนูที่มาถึงแล้วต้องกินทุกรอบ ก็คือ หอยตลับผัดโหระภา กระทะร้อน ,ปลากระพงนึ่งซีอิ้ว, ทอดมันกุ้ง , ออส่วนกระทะร้อน ฯลฯ
อิ่มท้องแล้วเดินทางมาถ่ายรูปที่สถานที่รถไฟ หัวหิน แห่งใหม่ ที่มีขนาดใหญ่และสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ส่วนสถานีรถไฟหัวหินแห่งเดิม ที่เปิดใช้งานมากกว่า 100 ปี ซึ่งถูกขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร โดยจะมีการอนุรักษ์ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่อไป หลังจากถ่ายรูปกันทุกมุมแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกันต่อ
จุดหมายถัดมาเอาใจสาย Art เรามาอยู่กันที่ บ้านศิลปินหัวหิน Artist Village Hua Hin แกลเลอรี่ ซึ่งที่นี่เป็นทั้งสตูดิโอที่ทำงานของศิลปินต่างๆ และ ยังเป็นโชว์รูม แกลเลอรี่ แสดงผลงานศิลปะ ทุกแขนง ทั้งภาพเขียน สีน้ำ สีน้ำมัน สีอะคริลิก งานประติมากรรม รูปปั้น งานไม้แกะสลัก ของตกแต่งบ้าน ของเก่า และของสะสม และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก รวมถึง ยังมี DIY ศิลปะจากฝีมือของเราเอง ทั้ง ร้อยลูกปัด วาดภาพระบายสี และ ช่วงเดือน สิงหาคม 2567 นี้ ทางบ้านศิลปินฯ มีเปิดให้มี เวิล์คช็อปศิลปะสนุกๆ อาทิ เพ้นส์กะลาฟรี ได้เวลาอันสมควร พวกเราก็ได้เวลาที่ต้องไปเช็คอิน เข้าที่พักกันต่อ
ครั้งนี้ เรามาพักกันที่ iSanook Reesort & Suites Hua Hin ห้องพักสไตล์โมเดิล ระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่ที่ อ.หัวหิน ห่างจากเขาตะเกียบเพียง 600 เมตร บรรยากาศร่มรื่น ห้องพักสะอาด พนักงานบริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีบุฟเฟต์อาหารเช้าที่มีเมนูให้เลือกหลากหลาย แถมสระว่ายน้ำกลางแจ้งให้ได้ว่ายน้ำแบบเพลินๆ ได้อาบน้ำผ่อนคลายกันสักนิดสักหน่อย
ก็ได้เวลา ไปทานอาหารเย็นกันที่ร้าน “ข้าวต้มโฟนลิงค์” เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารท้องถิ่นที่เก่าแก่เปิดขายมานานกว่า 30 ปี มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ร้านข้าวต้มโฟนลิงค์ อยู่ตรงริมถนนเพชรเกษม ติดกับซอยหัวหิน 47 ซึ่งขับรถมาตัวเมืองหัวหินยังไงก็ตั้งผ่านร้านนี้ ซึ่งต้องขอบอกว่า ร้านนี้บางวันนักท่องเที่ยว หรือ คนในพื้นที่ รอต่อคิวเยอะมาก เมนูอาหารตามสั่ง อร่อยทุกเมนู ทั้ง กุ้งแช่น้ำปลา ปลาอินทรีย์แดดเดียวทอด หอยเชลล์ย่างเนย แขนงปลาเค็ม ฯลฯ
เช้าวันที่สอง พวกเรารีบตื่นเดินทางแต่เช้า เพื่อไปล่องเรือกัน ณ คลองเขาแดง อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีขันธ์ (กุ้ยหลินเมืองไทย) เพื่อจะได้สัมผัสอากาศอันสดชื่นเย็นสบายๆ ในการล่องเรือ ชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์ และวิถีชุมชนชาวประมง ระหว่างการเดินทางล่องเรือ พวกเราถ่ายรูปกันแบบรัวๆ ทั้ง ภาพบรรยากาศ และเพื่อนร่วมทริป คงไม่ต้องบอกว่าสวยงามขนาดไหน แต่จุดไฮไลต์ที่เรากำลังตามหา ก็คือ รูปหินจระเข้ ที่ต้องบอกว่า เหมือนจระเข้จริงๆที่กำลังปีนข้นหน้าผา และ อีกหนึ่งจุดที่เราต้องสังเกตดีๆ ว่า มีน้องลิงจ๋อ กำลังยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุขให้กับนักท่องเที่ยว เรียกได้ว่า ธรรมชาติได้สร้างสรรค์สุดๆ อีกหนึ่ง Amazing Thailand อย่างแท้จริง
สำหรับการล่องเรือ ที่ คลองเขาแดง พวกเราลงเรือที่ ท่าเรือวัดเขาแดง มีค่าบัตรเข้าชมอุทยานฯ คนไทย 40 บาท เด็ก 20 บาท ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี เข้าฟรี ส่วนค่าเรือบริการลำละ 500 บาท ต่อ 1 เที่ยว จำกัดลำละไม่เกิน 6 ท่าน ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 45-50 นาที และก่อนกลับ สามารถอุดหนุนของในชุมชนฯ กันได้ มีทั้ง กะปิ กุ้งแห้ง น้ำปลา ที่แม่ๆ ทำกันเองสดๆใหม่ๆ ราคามิตรภาพ
และขับรถมาอีกไม่ไกล เราก็เดินทางมายัง วัดเขากระโหลก ริมทะเลปราณบุรี จุดเด่นของวัดแห่งนี้ คือความสวยงามของโบสถ์และวิหาร พร้อมกราบบูชาหลวงพ่อหว่าง อุตตโม
จากนั้นพวกเราเดินทางไปทานข้าวเที่ยงกันที่ ร้านโอเอ็กซ์ ซีฟู้ด ร้านอาหารซีฟู้ดที่อยู่ตรงข้ามทะเลตามถนนปากน้ำปราณบุรี ตรงหลักกิโลเมตรยักษ์ที่ 0 อาหารอร่อยเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะ ข้าวขยำปู ปลาทูทอด หมึกไข่ทอด ปลากะพงต้ม กุ้งอบวุ้นเส้น ฯลฯ
อิ่มท้องแล้ว เราไปเที่ยวกันต่อที่ ศูนย์ศึกษาระบบนิเวศน์ป่าชายเลนสิรินาถราชินี อำเภอปราณบุรี ที่นี่เราได้มาเปิดประสบการณ์ ให้อาหารก็อตซิลล่าแห่งป่าชายเลน โดยทางศูนย์ได้มีเตรียมปลาทู เมนูโปรดของน้องๆ ก็อตซิล่า ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ให้อาหารกันอย่างเพลินๆ และเราก็เพิ่งรู้จากเจ้าหน้าที่ ว่า น้องๆ สายตาสั้นกันมาก มองไม่ค่อยเห็นใช้ประสาทสัมผัสทางลิ้นและกลิ่น ให้อาหารเสร็จแล้วก็เดินตามเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งหากมาเป็นหมู่คณะมีการติดต่อล่วงหน้า ก็จะมี มัคคุเทศน์น้อย มาให้ความรู้เกี่ยวกับป่าชายเลนอีกด้วย การเดินเที่ยวชมเองไม่ต้องกังวลว่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะตลอดเส้นทางจะมีป้ายบอกข้อมูลต่างๆให้ความรู้กับเราได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เดินเพลินๆ ได้รูปกลับมาเยอะเลยค่ะ เดินตามเส้นทางจนมาถึงทางออกเราจะพบกับ ตลาดนัดจากร้านค้าชุมชนปากน้ำปราณ ที่มี ทั้งขนม เมล็ดพันธุ์ผัก ผักอินทรีย์ แวะชิมช้อปกันแบบกรุบกริบ
จาก ศูนย์ศึกษาระบบนิเวศน์ป่าชายเลนสิรินาถราชินี ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 15 นาที เราก็แวะพักดื่มอะไรเย็นๆ ที่ ร้าน ปราณเบอร์รี่ Pranberry โดดเด่นตรงบ้านไม้หน้าต่างกระจก ที่ด้านในตกแต่งให้ดูโปร่งสบายตานั่งพักสบายใจ มองออกนอกหน้าต่างเราจะเห็นสวนสวยที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ นานาพันธุ์ เมนูที่ได้ลิ้มลอง ฮันนี่โทส สตรอเบอร์รี่ สมูทตี้
และเราขับรถไปอีกนิดนึง แวะไปถ่ายรูปเช็คอินกันที่ ต้นตาล 3 พี่น้อง ที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์ที่ปากน้ำปราณ โดยต้นตาล 3 ต้นนี้จะอยู่ด้านหน้าโรงแรมปัตตาเวีย รีสอร์ท
ก่อนกลับโรงแรม พวกเราได้มีโอกาส ไปกราบสักการะบูชา หลวงปู่ทวด องค์ใหญที่สุดในโลก ที่วัดห้วยมงคล อ.หัวหิน ขอพรจากองค์หลวงปู่ทวด พร้อมทำบุญถวายผ้าห่มจีวร
มื้อค่ำนี้ พวกเรามาฝากท้องกันที่ ร้านเจ๊เขียว ซีฟู้ด ร้านอาหารเก่าแก่แห่งเขาตะเกียบ ที่มีเมนูอาหารทะเลสดๆ ให้ได้ ทานกันหลากหลายเมนู ทั้ง แกงส้มไข่ปลาริวกิว ส้มตำกุ้งสุก หอยลายผัดพริกเผา ต้มส้มปลาทู ซึ่งวันที่ไป มีทุเรียนใต้ ให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย
อิ่มท้องกันแบบจุกๆ เราก็ขับรถมาเดินย่อยอาหารกันที่ ตลาดซิเคด้า (Cicada Market) ซึ่งขอบอกเลยตอนนี้ ร้านค้า ร้านอาหาร ฟูมากๆ ตลาดคึกคักมากมายมีทั้งนักท่องเที่ยวทั้งคนไทย และ ต่างประเทศ เดินช้อปชิม กันอย่างหนาแน่น ตอนนี้ ข้างๆตลาดซิเคด้า มีตลาดเปิดใหม่ ชื่อ Tamarind Market เป็นศูนย์รวมร้านอาหาร ที่ช้อปปิ้ง ที่บอกเลยว่า คึกคักไม่แพ้กัน มาเดินเล่นกันแบบชิลล์ๆ ได้เลย
วันที่สาม หลังจากทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวเดินทางกลับ ก็ขอแวะกราบองค์ท้าวเวสสุวรรณ ปางเสวยสุข ที่วัดถ้ำเขาน้อยเกสโร อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี หนึ่งเดียวในไทย สร้างจากนิมิตของเจ้าอาวาสที่ฝันว่าท้าวเวสสุวรรณมาบอกให้สร้างรูปท่านปางเสวยสุข ณ วันแห่งนี้
เราเดินต่อมาตามถนนอีกไม่เกิน 200 เมตร เราจะพบกับ ถ้ายายจูงหลาน เป็นเพิงถ้าเล็กๆที่ภายในถ้ำมีประติมากรรมปูนปั้นพระพุทธรูปที่มีความงดงาม สมัยทวาราวดี กว่า 1200 ปี หากใครมีโอกาสก็สามารถ ขับรถไปเที่ยวชมกันได้นะคะ
ขับรถต่อกันมาอีกนิด เราก็จะไปพบกับ สวนลุงถนอม ถ่ายรูปเช็คอินกับต้นตาลที่สวยงามในมุมมองใหม่ๆ ประกอบกับได้ชิมน้ำตาลสดๆจากสวน นอกจากนี้ ยังมี ขนมตาล และ ขนมต่างๆ ให้ได้เป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนทางบ้านอีกด้วย
มื้อเที่ยงก่อนมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เราแวะทานอาหารกันที่ ร้านโอฬาร อาหารทะเล ต้องขอบอกเลยว่า อาหารจานใหญ่มาก รสชาติกล่อมกลอม ทุกเมนู ทั้ง กรรเชียงปูผัดพริกเหลือง กรรเชียงปูผัดผงกะหรี่ ส้มตำปูม้า ฯลฯ
กินอิ่มจบทริปกันอย่างสบายๆ เพื่อนๆ สามารถ ตามรอยโปรแกรมนี้ได้เลยนะคะ เที่ยวแบบครบทุกรสชาติ
#สุขทันที ที่เที่ยวไทย #สุขทันที ที่เที่ยวประจวบฯ #อเมซิ่งไทยแลนด์ #Amazing Thailand #เที่ยวหัวหิน