เร่งติดตามโบราณวัตถุในต่างประเทศกลับคืนสู่ไทย ประสานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใกล้ชิด หนุนจัดกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติดึงประชาชนเข้าชม
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้เป็นประธานประชุมรับฟังการดำเนินการของกรมศิลปากรโดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากรและผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วม ณ กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งที่ประชุมได้รับรายงานโครงการสำคัญของกรมศิลปากรในปีงบประมาณพ.ศ.2567 ได้แก่ 1) การอนุรักษ์โบราณสถาน
โดยยึดตามรูปแบบและเอกลักษณ์ของท้องถิ่น 2) การผลักดันและยกระดับแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 3)การปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 42 แห่ง ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนและเร่งปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด เนื่องในโอกาสครบ 100 ปีการประสูติของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ เป็นต้น 4) การติดตามโบราณวัตถุในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย 5)การจัดการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีสัญจร เพื่อให้เข้าถึงประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 6)การพัฒนาศักยภาพการให้บริการของหอสมุดแห่งชาติและหอจดหมายเหตุแห่งชาติโดยให้บริการหนังสืออี-บุ๊คและการให้บริการออนไลน์เพิ่มขึ้น 7)การก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ จังหวัดปทุมธานี เพื่ออนุรักษ์โบราณวัตถุและเอกสารโบราณ 8)การอนุรักษ์และสืบทอดงานช่างสิบหมู่และต่อยอดงานศิลปกรรมเพื่อเผยแพร่และสร้างรายได้ ซี่งกรมศิลปากรได้อบรมให้ความรู้แก่ประชาชนในชุมชนพื้นที่แหล่งโบราณสถานและแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม เช่น ชุมชนเมืองโบราณศรีเทพนำลวดลายของเมืองโบราณศรีเทพมาจัดทำเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม อาทิ ลายผ้า ถุงผ้า เป็นต้น นำมาจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวเพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้ และอนาคตจะจัดตั้งศูนย์เรียนรู้งานฝีมือช่างสิบหมู่และศูนย์แสดงสินค้าช่างสิบหมู่ขึ้นมาด้วย
“ได้มอบหมายกรมศิลปากรขับเคลื่อนนโยบายหนึ่งภาค หนึ่งมรดกโลก ผลักดันให้แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโก กรมศิลปากรคาดว่าปีนี้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานีจะมีโอกาสขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม พร้อมกับตั้งเป้าหมายจะจัดทำเอกสารและเสนอวัดมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมภายในปีนี้ นอกจากนี้ ได้ให้ไปศึกษาการนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี(เขาวัง) จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเสนอบรรจุอยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกด้วย ส่วนการติดตามโบราณวัตถุในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย ได้ให้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การดำเนินการติดตามมีความรวดเร็วมากขึ้น”นางสาวสุดาวรรณ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังได้ให้กรมศิลปากรจัดกิจกรรมศิลปวัฒนธรรม เช่น การแสดงผลงานศิลปะ วาดภาพ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ กระตุ้นให้เด็ก เยาวชนและประชาชนเข้ามาเที่ยวชมและหาความรู้ รวมทั้งปรับปรุงนิทรรศการออนไลน์ภายในเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแต่ละแห่งให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้นและนำเสนอนิทรรศการเพิ่มเติม เช่น เครื่องราชกุกธภัณฑ์ โขน ผ้าไทยที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงอนุรักษ์ไว้ เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่และประชาชนเข้ามาชมและหาความรู้มากขึ้น