อาการหนังตาตก ตาปรือ เป็นอาการที่หนังตาของเราตกข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ทำให้ดูเหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลา ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจเวลาต้องพูดคุย หรือสบตากับใครแล้ว ยังเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! เพราะว่า ภาวะหนังตาตก ตาปรือนี้ อาจกำลังบ่งบอกว่า เราอาจจะต้องเผชิญ ‘โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง’ หรือภาวะเปลือกตาตกได้ในอนาคต ซึ่งเป็นโรคที่กระทบต่อการมองเห็น ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน รวมถึงใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างลำบากด้วย แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าเรากำลังเผชิญกับอาการหนังตาตก ตาปรือที่นำไปสู่โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอยู่? ชวนมาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้ เพราะเราจะพาไปรู้จักกับอาการหนังตาตก หรือตาปรือกันให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเภทของกลุ่มอาการและ สาเหตุว่าเกิดจากอะไรบ้าง ให้ทุกๆ คนได้รีเช็กอาการอย่างละเอียด และหาวิธีป้องกันและรักษาที่เหมาะสมต่อไป ตามมาดูเลย!
อาการหนังตาตก หรือตาปรือ เป็นอย่างไร
โดยทั่วไปแล้วอาการของภาวะหนังตาตก หรือตาปรือจะทำให้มองเห็นได้ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองขึ้น หรือเมื่ออยู่กลางแดดจ้า ซึ่งมักจะมีอการอื่นๆ ปรากฏร่วมด้วย เช่น หนังตาจะปิดได้ไม่สนิท ตาแห้ง รู้สึกระคายเคือง มองเห็นภาพซ้อน ปวดตา หรือปวดหัว เป็นต้น โดยโรคที่เกิดจากอาการหนังตาตก หรือตาปรือจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
- โรค MG หรือโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง มักจะเกิดในกลุ่มที่อายุที่มีอายุมากขึ้น หรือผู้สุงอายุ หนังตาจะค่อยๆ ตก และมีความหย่อนคล้อยตามอายุที่เพิ่มขึ้น สามารถสังเกตเห็นลักษณะหนังตาตกได้อย่างชัดเจน ในเวลานอนหลับมักจะหลับตาไม่สนิท ความสามารถโฟกัสภาพจะลดน้อยลง ทำให้มองเห็นภาพเบลอ หรือภาพซ้อนขึ้นมาได้
- Ptosis อาการหนังตาตก หรือตาปรือไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น เพราะหากเป็นในกลุ่ม Ptosis ก็สามารถเกิดได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยมักจะมีลักษณะเปลือกตาหย่อนมากผิดปกติ เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ตาทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ลืมตาได้ยาก ความสามารถในการมองเห็นลดน้อยลง
อาการหนังตาตก หรือตาปรือ เกิดจากอะไร?
ในส่วนของสาเหตุของการเกิดลักษณะอาการหนังตาตกตาปรือ จะสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่เป็นตั้งแต่กำเนิด
ภาวะหนังตาตก หรือตาปรือ ที่เป็นตั้งแต่กำเนิด โดยพันธุกรรม หรือหลังจากนั้นไม่นาน โดยส่วนใหญ่เกิดจากการพัฒนาที่ผิดปกติ หรือการที่เด็กไม่มีกล้ามเนื้อเปลือกตา (Levator Palpebrae Superioris) ซึ่งทำหน้าที่ยกหนังตาขึ้น โดยผู้ป่วยภาวะหนังตาตกตั้งแต่กำเนิด จะไม่สามารถยกหนังตาขึ้นได้ ถึงแม้จะพยายามลืมตา นอกจากนี้หนังตาจะมีรอยพับที่มองเห็นได้น้อยมาก จนต้องทำให้ต้องเงยหน้าขึ้น และยกคิ้วเพื่อบังคับให้ลืมตา
อย่างไรก็ตาม การตรวจพบและการผ่าตัดแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับภาวะหนังตาตกตั้งแต่กำเนิด เนื่องจากอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางสายตาของเด็ก และทำให้สูญเสียการมองเห็นแบบถาวร ซึ่งการรักษาอาจจะต้องใช้วิธีการผ่าตัดแก้ไขหนังตา ขึ้นอยู่กับเทคนิคและระดับความรุนแรงของภาวะหนังตาตก และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ยกหนังตาขึ้นนั่นเอง
กลุ่มที่เป็นภายหลัง
ภาวะหนังตาตกที่เกิดขึ้นภายหลัง สามารถเกิดขึ้นได้ในกลุ่มทุกเพศ ทุกวัย โดยอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ความเสียหายของเส้นประสาท ซึ่งอาจเกิดจากการบาดเจ็บที่ตาหรือใบหน้า โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอก หรือโรคเบาหวาน
- ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis)
- การอักเสบ เช่น โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
- เนื้องอก เช่น เนื้องอกที่เปลือกตา หรือโพรงไซนัส
- ผลข้างเคียงของยา เช่น ยาหยอดตาบางชนิด ยารักษาโรคซึมเศร้า และยาแก้แพ้
- อายุ เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ยกหนังตาขึ้นอาจอ่อนแอลงตามอายุ
- การศัลยกรรมดวงตาที่ผิดพลาด กรณีที่ผู้ป่วยเคยผ่านการผ่าตัดตาสองชั้นมาแล้ว แต่เนื่องจากศัลยแพทย์ไม่ชำนาญและไม่มีประสบการณ์มากพอ จึงทำให้ดวงตาผิดรูป ไม่ได้รูปเหมาะสมอย่างที่คิดไว้
อาการหนังตาตก ตาปรืออาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้
อาการหนังตาตกอาจจะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ เนื่องจากอาการหนังตาตก ตาปรือเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อที่ยกหนังตาบนอ่อนแรงหรือทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากความเสียหายของเส้นประสาท ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ หรือสาเหตุอื่นๆ เมื่อกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จะทำให้หนังตาตกและปิดลงบางส่วน หรือทั้งหมด ทำให้มองเห็นได้ลำบาก ซึ่งหากผู้ที่มีภาวะหนังตาตกระดับรุนแรง หรือมีอาการหนังตาตกมาเวลานาน จะส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ในที่สุด นอกจากนี้ ภาวะหนังตาตกยังอาจทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายของกระจกตา และปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็นอื่นๆ ได้ในอนาคตด้วย
อาการหนังตาตก หรือตาปรือ เป็นลักษณะอาการที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะนอกจากจะส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจในตนเองแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการมองเห็น และอาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือโรคเกี่ยวกับดวงตาอื่นๆ ที่เสี่ยงต่อการสูญเสียมองเห็นขึ้นมาได้
หากใครที่กำลังเผชิญกับอาการหนังตาตก หรือตาปรือ แม้ว่าจะนอนพักผ่อนเท่าไหร่ อาการก็ยังไม่ดีขึ้น จึงควรรีบพบแพทย์มากประสบการณ์ เพื่อปรึกษาและหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ในอนาคต และปรับรูปดวงตาให้สดใส มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ที่ Dr. Vii Aesthetic Clinic คลินิกศัลยกรรมตกแต่งเสริมความงามมีศัลยแพทย์มากประสบการณ์ที่มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับดวงตาโดยเฉพาะ พร้อมให้คำปรึกษา ประเมินอาการ และแก้ไขปัญหารอบดวงตาได้อย่างครอบคลุม ผ่านเทคนิคการผ่าตัดที่คุณหมอวิ หรือแพทย์หญิง วิทิดา ศิริพงษ์ผู้ก่อตั้งคลินิกคิดค้นขึ้น มั่นใจได้ว่าทุกๆ คนจะมีดวงตาที่กลมโต เท่ากัน มองเห็นได้ชัดเจน อัปความมั่นใจได้อย่างเต็มที่!
ปรึกษา Dr. Vii Aesthetic Clinic | ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม
Tel: 093-626-6624
Line: LINE Official Account
Facebook: Dr. Vii Aesthetic Clinic