พาส่อง 5 เทคโนโลยีการแพทย์สุดล้ำ เพิ่มความสำเร็จในการรักษาและดูแลผู้ป่วย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยีมีการพัฒนาและเข้ามามีบทบาทในชีวิตเราแทบทุกๆ ด้าน ทำให้การใช้ชีวิตของเราง่ายมากขึ้น สะดวกมากขึ้น และมีความปลอดภัยมากขึ้น และในด้านการแพทย์ก็เช่นเดียวกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ วงการการแพทย์มีการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาหลายอย่าง เพื่อเพิ่มความสำเร็จในการรักษาและดูแลผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด เราอาจจะเคยเห็นในภาพยนตร์ชื่อดังที่จำลองโลกในอนาคตที่มีการใช้เครื่องมือสุด Hi-tech รักษาและดูแลผู้ป่วย ทุกอย่างสามารถทำผ่านระบบเซ็นเซอร์ AI…

Home / PR NEWS / พาส่อง 5 เทคโนโลยีการแพทย์สุดล้ำ เพิ่มความสำเร็จในการรักษาและดูแลผู้ป่วย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยีมีการพัฒนาและเข้ามามีบทบาทในชีวิตเราแทบทุกๆ ด้าน ทำให้การใช้ชีวิตของเราง่ายมากขึ้น สะดวกมากขึ้น และมีความปลอดภัยมากขึ้น และในด้านการแพทย์ก็เช่นเดียวกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ วงการการแพทย์มีการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาหลายอย่าง เพื่อเพิ่มความสำเร็จในการรักษาและดูแลผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด เราอาจจะเคยเห็นในภาพยนตร์ชื่อดังที่จำลองโลกในอนาคตที่มีการใช้เครื่องมือสุด Hi-tech รักษาและดูแลผู้ป่วย ทุกอย่างสามารถทำผ่านระบบเซ็นเซอร์ AI หรือหุ่นยนต์อัจฉริยะ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไป เพราะในปัจจุบันได้มีเครื่องมือ Hi-tech ทางการแพทย์แบบนั้นอยู่จริงๆ แถมช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้แล้วมากมาย วันนี้เราเลยขอพามาส่อง 5 เทคโนโลยีการแพทย์สุดล้ำที่ทำให้การรักษาและดูแลผู้ป่วยมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ไปอัปเดตทำความรู้จักพร้อมๆ กันเลย! 

1. PETE เปลปกป้อง : เปลความดันลบเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

เทคโนโลยีการแพทย์สุดล้ำอย่างแรกที่เราจะพาทุกคนไปรู้จักก็คือ PETE (พีท) เปลปกป้อง หรือเปลความดันลบเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่คิดค้นโดยนักวิจัยไทยนั่นเอง มีลักษณะเป็นโดมพลาสติกใสไซซ์พอดีตัวคน และระบบสร้างความดันลบ เพื่อควบคุมการไหลเวียนอากาศภายในเปล หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าเปลความดันลบนั้นมีมานานแล้ว แต่ขอบอกเลยว่า PETE นี้แตกต่างจากเปลความดันลบทั่วไป เพราะเปลนี้โดดเด่นด้วยระบบ ‘Smart Controller’ ที่ทำหน้าที่ควบคุมความดันภายในเปลได้เลย พร้อมตรวจสอบการรั่วไหลของอากาศสู่ภายนอก นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศเมื่อมีการใช้งานถึงลิมิตทันทีอีกด้วย ทำให้ PETE เป็นเปลที่สามารถใช้งานทั้งบนภาคพื้นและบนอากาศหรือในขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยนั่นเอง ด้วยระบบการทำงานที่ชาญฉลาดแถมครอบคลุมสถานการณ์ฉุกเฉินเอาไว้แทบทั้งหมด PETE จึงกลายเป็นตัวช่วยที่เพิ่มความสำเร็จในการรักษาให้กับผู้ป่วยที่กำลังมีปัญหาระบบทางเดินหายใจเป็นอย่างดี อย่างในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดที่ผ่านมา PETE เป็นตัวช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด​ เริ่มต้นตั้งแต่จุดเคลื่อนย้ายไปจนถึงมือแพทย์เพื่อเข้าเครื่องเอกซเรย์และซีที​สแกน เพื่อประเมินความเสียหายของปอด ​โดยไม่ต้องนำผู้ป่วยออกมาจากเปลเลย ที่สำคัญยังช่วยลดการแพร่เชื้อได้เกือบ 100% ด้วย 

2. หลอดไฟ LED ปรับทัศนวิสัย : จุดแสงสว่างเพื่อผู้สูงอายุและผู้ที่มีสายตาเลือนราง

ปัญหาที่ผู้สูงอายุและผู้มีปัญหาทางสายตาต้องเผชิญเป็นประจำ คือ การมองเห็นสิ่งของและสีในความมืดไม่ชัด เสี่ยงให้เกิดอันตรายจากการเดินชนวัตถุต่างๆ จนบางครั้งได้รอยฟกช้ำฝากไว้ตามตัว แต่หากโชคไม่ดีอาจเกิดเรื่องร้ายแรงกว่านั้น ทีมวิจัยจากภาควิชาเทคโนโลยีทางภาพและการพิมพ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้คิดค้น หลอดไฟ LED ปรับทัศนวิสัย ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้ที่มีสายตาเลือนราง แถมยังช่วยให้ผู้ที่มีสายตาปกติสามารถมองเห็นความแตกต่างระหว่างพื้นที่ต่างระดับและวัตถุภายในบ้านได้ดียิ่งขึ้นด้วย โดยระบบแสงสว่าง LED ปรับทัศนวิสัยนี้ จะใช้คลื่นแสงที่แตกต่างจาก LED ทั่วไป คือมีความยาว 3 ช่วง คือ แดง เขียว และน้ำเงิน เมื่อผสมกันแล้วจะได้เป็น ‘แสงสีขาว’ ที่ถูกเพิ่มความสว่างเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มความต่างระหว่างสีนั่นเอง เมื่อนำเทคโนโลยีการแพทย์นี้ไปติดตั้งในบ้านหรือโรงพยาบาลที่มีกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีสายตาเลือนราง ก็เหมือนกับเปิดโลกแสงสว่างใบใหม่ให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้เลย 

3. VITAL ALERT SENSOR MAT : ระบบตรวจจับสัญญาณชีพอัตโนมัติใต้เตียงนอน

พาไปส่องเทคโนโลยีการแพทย์จากทีมวิจัยประเทศใกล้เคียงกันบ้างกับ VITAL ALERT SENSOR MAT ที่คิดค้นโดยทีมนักวิจัยสิงคโปร์ เป็นเทคโนโลยีระบบตรวจจับสัญญาณชีพอัตโนมัติใต้เตียงนอนเพื่อคอยดูแลสัญญาณชีพและตรวจเช็กสภาวะของผู้ป่วยจากระยะไกลได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็น อัตราการเต้นของชีพจร อัตราการหายใจ มาพร้อม Notification ขณะผู้ป่วยลุกออกจากเตียงซึ่งจะแสดงผลเป็นข้อมูลสรุปแดชบอร์ดบนจอที่ดูได้ง่าย ที่สำคัญ VITAL ALERT SENSOR MAT ไม่ต้องติดตะกั่วหรืออุปกรณ์ใดๆ ไว้บนตัวผู้ป่วยด้วย เพียงแค่ติดไว้บริเวณใต้เตียงนอนเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดการเกิดอันตรายและไม่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอึดอัดนั่นเอง VITAL ALERT SENSOR MAT เหมาะกับกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาทางเดินหายใจขณะนอนหลับ หรือผู้ป่วยอาการหนักติดเตียง แพทย์หรือผู้ดูแลสามารถนำข้อมูลที่แสดงผลบนจอไปวิเคราะห์อาการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หัวใจเต้นผิดปกติหรือไม่ คุณภาพการนอนหลับเป็นอย่างไร เป็นต้น 

4. THE CUTTING-EDGE TECHNOLOGY TO MEDICAL VISUALIZATION APPLICATIONS : จอมอนิเตอร์แสดงผลภาพผ่าตัดสุดคมชัดระดับ 4K  

อีกหนึ่งเทคโนโลยีการแพทย์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันกับเรื่องศัลยกรรมความงาม บริษัท FORESEESON INC เกาหลีใต้ ได้คิดค้น THE CUTTING-EDGE TECHNOLOGY TO MEDICAL VISUALIZATION APPLICATIONS จอมอนิเตอร์แสดงผลภาพผ่าตัดสุดคมชัดระดับ 4K ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถมองดูภาพขณะที่ทำหัตถการได้แบบเรียลไทม์ แถมยังเห็นภาพคมชัดเสมือนจริง ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัดและศัลยกรรมตกแต่งส่วนต่างๆ ในร่างกายได้ละเอียดและดียิ่งขึ้น นับเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เข้ามาตอบโจทย์วงการเสริมความงามให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว  

5. Robotic Surgery : หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด 

มากันถึงเทคโนโลยีการแพทย์อย่างสุดท้ายที่ขอบอกเลยว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่แสดงถึงความสำเร็จและความก้าวหน้าในวงการแพทย์ได้เป็นอย่างมาก ก็คือ Robotic Surgery หรือหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดนั่นเอง 

ขึ้นชื่อว่าหุ่นยนต์ก็ต้องมาพร้อมกับความสามารถทำในสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ หรือทำได้เทียบเคียงมนุษย์ โดย Robotic Surgery จะมารับหน้าที่เป็นผู้ช่วยศัลยแพทย์ ที่จะทำให้การผ่าตัดมีความแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น โดยโอกาสสำเร็จอยู่ที่ 95% เลย ซึ่งการทำงานประกอบไปด้วยกลไกหลักๆ ดังนี้

  • กล้องที่ให้ภาพขยายแบบ 3 มิติ มีมิติของความลึกและความคมชัด ทำให้ศัลยแพทย์สามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆ ของอวัยวะภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเยื่อและเส้นประสาทได้อย่างชัดเจน 
  • ชุดควบคุมหรือสั่งการหรือระบบคอมพิวเตอร์ของหุ่นยนต์ ที่ช่วยตรวจสภาพความเหมาะสมของตำแหน่งอวัยวะที่ผ่าตัดให้แม่นยำมากขึ้น โดย Robotic Surgery บางชนิด สามารถปรับให้เหมาะสมกับการทำงานของศัลยแพทย์ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยลดความเหนื่อยล้าของศัลยแพทย์นั่นเอง 
  • มือกลหรือแขนกล กลไกที่ช่วยป้องกันสิ่งที่เรียกว่า Human Error ได้เป็นอย่างดี เพราะมือกลและแขนกลของ Robotic Surgery สามารถหมุนและโค้งงอได้รอบทิศทาง แน่นอนว่าเคลื่อนไหวอิสระได้มากกว่ามือมนุษย์ที่ต้องจับอุปกรณ์ผ่าตัด ทั้งยังมีความแม่นยำมาก เพราะมีระบบตรวจจับความสั่นหรือกการขยับที่ออกนอกทิศทาง เช่น หากมือของแพทย์ออกนอกทิศทางการผ่าตัดที่กำหนดไว้ แขนกลจะทำการล็อกอัตโนมัติให้ขยับได้เพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น เป็นต้น 

Robotic Surgery ได้ถูกนำมาใช้ในการศัลยกรรมหลายๆ เคส ไม่ว่าจะเป็นการใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเสื่อม การใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดช่องท้อง หรือการใช้หุ่นยนต์ช่วยรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก และต้องขอบอกว่า การใช้ Robotic Surgery ไม่ใช่การใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดแทนศัลยแพทย์จริงๆ แต่เป็นการผ่าตัดที่อาศัยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของแพทย์ร่วมกับเทคโนโลยีที่จะทำให้โอกาสในความผิดพลาดจาก Human Error น้อยลงให้ได้มากที่สุด ทำให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งด้านความแม่นยำและความปลอดภัย สิ่งเป็นเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าล้ำสมัยและไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแน่นอน 

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 เทคโนโลยีการแพทย์สุดล้ำ ที่เรานำมาฝากทุกคนกัน แต่ละอันถูกออกแบบฟังก์ชันมาให้เหมาะกับการรักษาและดูแลผู้ป่วยแต่ละกลุ่มได้อย่างครอบคลุม มีความแม่นยำ ปลอดภัย และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ปัจจุบันโรงพยาบาลหรือศูนย์การแพทย์ต่างๆ ในประเทศไทยได้นำเทคโนโลยีการแพทย์เหล่านี้มาปรับใช้กับการรักษาและดูแลผู้ป่วยมากขึ้นแล้ว อย่างที่ KDMS Hospital โรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อ ข้อดีมีสุข ที่ได้ใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด หรือ Robotic Surgery เปลี่ยนข้อเข่าเสื่อมให้กับผู้ป่วย ทั้งการวางแผน ดำเนินการผ่าตัด และยังได้กระแสตอบรับที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาข้อเข่าเสื่อม มีปัญหาข้อต่อกระดูกตามร่างกาย ต้องการฟื้นคืนข้อต่อให้กลับมาใช้งานได้อย่างปกติ และใช้ชีวิตได้อย่างอิสระอีกครั้งล่ะก็ การตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อด้วยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ตอบโจทย์และมีความปลอดภัยสูง สามารถขอคำปรึกษาและมองหาแนวทางการรักษาได้ที่ KDMS Hospital ติดต่อสอบถามและหาข้อมูลเพิ่มเติม https://kdmshospital.com หรือ โทร. 02-080-8999