เปรียบเทียบชัดๆ เรียน Online VS Onsite ต่างกันอย่างไร แบบไหนเหมาะกับตัวเรา

ในปัจจุบันเทรนด์การเรียนออนไลน์แพร่หลายเป็นอย่างมาก ทำให้มีสถาบันและคอร์สเรียนออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย เรียกว่าเป็นข้อดีแก่บรรดานักเรียนและคนชอบศึกษาเพิ่มเติมได้มีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ระหว่างการเรียนแบบออนไลน์ (Online) และเรียนแบบออนไซต์ (Onsite) แบบดั้งเดิมนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? แล้วตัวเราเหมาะกับการเรียนรูปแบบไหนกันแน่? ไปดูกันแบบชัดๆ เลยถึงข้อดี-ข้อเสียของการเรียนแต่ละรูปแบบที่จะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน เรียน Online คืออะไร การเรียน…

Home / PR NEWS / เปรียบเทียบชัดๆ เรียน Online VS Onsite ต่างกันอย่างไร แบบไหนเหมาะกับตัวเรา

ในปัจจุบันเทรนด์การเรียนออนไลน์แพร่หลายเป็นอย่างมาก ทำให้มีสถาบันและคอร์สเรียนออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย เรียกว่าเป็นข้อดีแก่บรรดานักเรียนและคนชอบศึกษาเพิ่มเติมได้มีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ระหว่างการเรียนแบบออนไลน์ (Online) และเรียนแบบออนไซต์ (Onsite) แบบดั้งเดิมนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? แล้วตัวเราเหมาะกับการเรียนรูปแบบไหนกันแน่? ไปดูกันแบบชัดๆ เลยถึงข้อดี-ข้อเสียของการเรียนแต่ละรูปแบบที่จะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน

เรียน Online คืออะไร

การเรียน Online คือการเรียนผ่านอุปกรณ์ที่ใช้สื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน เป็นต้น โดยมีระบบกลางเพื่อเชื่อมต่อระหว่างผู้สอนและผู้เรียน ทำให้การเรียนออนไลน์สามารถเรียนและเข้าถึงข้อมูลการสอนได้จากทุกพื้นที่และไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน อีกทั้งการเรียนอนไลน์ ยังไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะเรียลไทม์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเรียนแบบย้อนหลัง โดยมีสื่อการเรียนอย่างเช่น คลิปวิดิโอ เป็นต้น

เรียน Onsite คืออะไร

การเรียนแบบ Onsite เป็นรูปแบบการเรียนทั่วไป มีการจัดสถานที่การเรียนการสอนโดยเฉพาะ ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ คือการเรียนในชั้นเรียนนั่นเอง ซึ่งการเรียนแบบ Onsite มาพร้อมกับกำหนดเวลา และสถานที่ที่ชัดเจน ผู้เรียนและผู้สอนจะมีปฏิสัมพันธ์กันโดยตรง ทำให้บรรยากาศการเรียนนั้นแตกต่างจากการเรียนแบบออนไลน์อย่างชัดเจน

เปรียบเทียบ Online vs Onsite เรียนแบบไหนดี?

การเรียนรู้ออนไลน์และการเรียนรู้แบบออนไซต์แบบดั้งเดิมล้วนมีลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งต่างก็มีข้อดีและข้อด้อยในตัวเอง โดยมักจะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล รูปแบบการเรียนรู้ และเป้าหมายด้านการเรียน โดยบางสถาบันและคอร์สเรียนยังมีแนวทางการเรียนรู้แบบผสมผสานทั้งแบบออนไลน์และออนไซต์เพื่อให้เรียนรู้ได้อย่างหลากหลายและครอบคลุม มาลองดูกันว่าทั้งการเรียนแบบออนไลน์และการเรียนออนไซต์มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

1. การเข้าถึงบทเรียนในชั้นเรียน

เรียนออนไลน์

เป็นรูปแบบการเรียนผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถเข้าถึงสื่อการเรียนการสอน การบรรยาย งานที่ได้รับมอบหมาย และพูดคุยกับครูผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนผ่านแพลตฟอร์มหรือระบบการจัดการการเรียนรู้แบบออนไลน์ 

เรียนในห้องเรียนปกติ

เป็นรูปแบบการเรียนรู้ดั้งเดิมในสถาบันการศึกษา โดยผู้เรียนและครูผู้สอนจะรวมตัวกันในห้องเรียนจริงเพื่อดำเนินการเรียนการสอน การบรรยาย อภิปราย และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน

2. ความยืดหยุ่นของการเรียนการสอน

เรียนออนไลน์

การเรียนออนไลน์จะมีความยืดหยุ่นกว่าทั้งในแง่ของเวลาและสถานที่ เพราะผู้เรียนสามารถเข้าถึงสื่อการเรียนการสอน บทเรียน และสามารถส่งงานที่ได้รับมอบหมายหรือการบ้านจากที่ไหนก็ได้ ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ซึ่งทำให้ผู้เรียนสามารถจัดสรรเวลาทำกิจกรรมอื่นๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

เรียนในห้องเรียน

โดยทั่วไปแล้วการเรียนในห้องเรียนจะถูกออกแบบให้เรียนตามตารางเวลาที่กำหนด โดยผู้เรียนต้องเข้าเรียนตามตารางเรียนและสถานที่ที่กำหนด ทำให้มีความยืดหยุ่นและความคล่องตัวน้อยกว่าการเรียนออนไลน์

3. ปฏิสัมพันธ์ภายในชั้นเรียน

เรียนออนไลน์

การโต้ตอบในชั้นเรียนแบบออนไลน์จะเป็นการพูดคุยกันผ่านช่องทางสนทนาในแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น แชท การประชุมวิดิโอคอล และอีเมล ซึ่งข้อสังเกตก็คือไม่สามารถโต้ตอบกันได้แบบเรียลไทม์เสมอไป ซึ่งอาจทำให้บทสนทนาขาดความต่อเนื่องไปบ้าง

เรียนในห้องเรียน

การเรียนรู้ในห้องเรียนปกติจะทำให้ผู้สอนและนักเรียนสามารถพูดคุยแบบเห็นหน้ากันโดยตรง ผู้เรียนจะมีความจดจ่อกับบทเรียนและมีความต่อเนื่องมากกว่า สามารถอภิปรายในชั้นเรียนที่ทุกคนมีส่วนร่วมไปด้วยกันตั้งแต่ต้นจนจบ รวมไปถึงการแบ่งกลุ่มทำงานหรือลงมือปฏิบัติกิจกรรมที่สามารถรายงานและสรุปผลในชั้นเรียนได้แบบทันที

4. วินัยในการเรียน

เรียนออนไลน์

นักเรียนที่เลือกเรียนออนไลน์ต้องมีวินัยในตนเองและต้องรู้จักการจัดการเวลา รับผิดชอบตนเองให้เรียนเนื้อหาตามหลักสูตรให้ครบถ้วน เนื่องจากไม่มีตารางเวลาหรือกฎเกณฑ์ในระหว่างเรียนที่เข้มงวดเหมือนในชั้นเรียนปกติ 

รียนในห้องเรียน

ลักษณะโครงสร้างของการเรียนรู้นอกสถานที่ พร้อมด้วยเวลาเรียนที่กำหนดและการปรากฏตัวทางกายภาพ การเรียนในห้องเรียนปกตินั้นนักเรียนทุกคนจะเข้าเรียนตามตารางเรียนและสามารถทำกิจกรรมโต้ตอบกันภายในห้องเรียนได้ ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนหลายคนมีสมาธิและมีพฤติกรรมด้านการเรียนที่ดี

5. สภาพแวดล้อม

ผู้เรียนสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของตนเอง โดยเลือกสถานที่นั่งเรียนและสื่อการเรียนที่เหมาะกับตนเองได้ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับคนที่ต้องการบรรยากาศการเรียนแบบส่วนตัว มีความเงียบสงบและไม่วุ่นวาย

เรียนในห้องเรียน

ห้องเรียนปกติจะมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเรียนรู้โดยเฉพาะ ห่างไกลจากสิ่งรบกวนที่ไม่เกี่ยวกับบทเรียน ผู้สอนสามารถจัดการให้นักเรียนเข้าถึงเนื้อหาการเรียนรู้ การทำแบบฝึกหัด และกิจกรรมได้ทันที

6. การใช้เทคโนโลยี

เรียนออนไลน์

การเรียนออนไลน์จำเป็นต้องมีอุปกรณ์และการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในการเรียนเป็นหลัก เพื่อใช้ในการเรียนตั้งแต่การเข้าเรียน การโต้ตอบกับครูผู้สอน การทำแบบฝึกหัดระหว่างการเรียน การส่งงาน รวมถึงการสอบวัดผล ดังนั้น การเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมเป็นเรื่องที่สำคัญหากเลือกคอร์สเรียนออนไลน์

เรียนในห้องเรียน

ในห้องเรียนปกติส่วนใหญ่แล้วผู้เรียนสามารถสื่อสารกับครูผู้สอนได้โดยตรง ดังนั้นเทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ อาจไม่ได้เป็นศูนย์กลางการเรียน แต่เป็นส่วนเสริมเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนมากกว่า

เรียน Online การเรียนรู้ยุคใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง

จะเรียนซ้ำกี่รอบก็ได้

สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดสำหรับการเรียนออนไลน์และการเรียนออนไซต์แบบทั่วไปเลยคือ หากวันไหนติดธุระไม่ว่าง เรียนไม่เข้าใจ หรือเรียนตามไม่ทัน ผู้เรียนก็สามารถย้อนกลับไปเรียนซ้ำกี่รอบก็ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะรบกวนเวลาเพื่อนร่วมห้อง หรือช่วงเวลาใกล้สอบแล้วอยากทบทวนบทเรียน ก็สามารถย้อนกลับไปเรียนทบทวนที่คอร์สเรียนออนไลน์ได้เลยตลอดเวลา 

เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา

หากใครที่มีตารางเวลาชีวิตค่อนข้างรัดตัวอย่างเช่น น้องๆ ที่เรียนเสริมหลายวิชา ทำงานพิเศษ หรือคนวัยทำงาน ฯลฯ ซึ่งไม่ได้มีเวลาสำหรับการเข้าห้องเรียน การเรียนออนไลน์ถือเป็นวิธีที่ตอบโจทย์มาก เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเข้าคอร์สเรียนออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถบาลานซ์เวลาของตัวเองได้ตามความสะดวกและความชอบ เช่น หากช่วงกลางวันต้องทำงาน ก็สามารถปรับเวลาเข้าเรียนเป็นช่วงกลางคืนได้ หรือถ้าเบื่อบรรยากาศเดิมๆ ที่ห้อง ก็สามารถออกไปนั่งเรียนที่คาเฟ่ได้ เพียงแค่ต้องมีอุปกรณ์สื่อสารและอินเตอร์เน็ตนั่นเอง

การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้เทคโนโลยีมีการพัฒนามากกว่าเมื่อก่อน รูปแบบการเรียนออนไลน์เองก็มีการพัฒนาและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น และยังมีแพลตฟอร์มที่ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์สำหรับผู้เรียนออนไลน์โดยเฉพาะ ทำให้สถาบันต่างๆ เริ่มปรับตัวและเผยแพร่คอร์สเรียนออนไลน์มากกว่าเมื่อก่อน ดังนั้นคนที่เลือกเรียนออนไลน์ ย่อมมีสิทธิ์เข้าถึงแหล่งข้อมูลการเรียนมากกว่า แถมราคาคอร์สเรียนออนไลน์ก็มีราคาที่ถูกลง เข้าถึงง่าย ทำให้การเรียนออนไลน์มีประสิทธิภาพมากกว่าการเข้าห้องเรียนแบบทั่วไปในหลายแง่มุมอย่างเห็นได้ชัด 

รวมคอร์สเรียนออนไลน์ ครบจบที่ SELF U

คงพอจะเห็นความแตกต่างระหว่างการเรียนออนไลน์และการเรียนแบบธรรมดาบ้างแล้ว แน่นอนการเรียนแต่ละรูปแบบก็มีข้อดีและข้อเสียในตัวเองแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งสำคัญคือเพื่อนๆ ควรพิจารณาว่าตัวเองเหมาะกับการเรียนรูปแบบไหนมากที่สุด ทั้งเรื่องของสไตล์การเรียนรู้และสถานการณ์ของแต่ละคน ที่ Self U เราได้รวบรวมคอร์สเรียนออนไลน์คุณภาพโดยสุดยอดติวเตอร์จากหลากหลายสถาบัน ด้วยเนื้อหาครบทุกระดับชั้น ครบทุกวิชา และยังมี E-Book ให้อ่านศึกษาเพื่มเติมได้เต็มที่ ทุกเวลา และทุกแพลตฟอร์ม เพราะการเรียนรู้คือการเดินทางที่ยาวนานตลอดชีวิต มาร่วมเดินทางไปพร้อมกับเรา หาคอร์สเรียนออนไลน์ได้ที่นี่ SELF U แหล่งรวมคอร์สเรียนออนไลน์ครบจบในที่เดียว 

ติดต่อสอบถามคอร์สเรียนออนไลน์

  • Tel: 02-736-3636
  • Line: @SELFU
  • Facebook: SELF U