● Klook เผยผลสำรวจ 5 เทรนด์นักท่องเที่ยวมิลเลนเนียลและเจน Z ชี้นักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องการออกเดินทางเพื่อสร้างคุณค่าและค้นหาแรงบันดาลใจ
● Klook จับเทรนด์ตลาด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Stay+ และ Klook Pass นวัตกรรมที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้ออกเดินทางค้นหาแรงบันดาลใจในราคาที่คุ้มค่า
● ผลประกอบการ 5 เดือนแรก พุ่งทะยานเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จองกิจกรรมท่องเที่ยวไทย เติบโตมากกว่า 1,200% และตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยที่จองกิจกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกเติบโตมากกว่า 700%
15 มิถุนายน 2566 – Klook แพลตฟอร์มในการจองกิจกรรมและประสบการณ์การท่องเที่ยวชั้นนำระดับเอเชีย เผยเทรนด์การท่องเที่ยวของกลุ่มนักท่องเที่ยวมิลเลนเนียลและเจน Z โดยผลสำรวจจาก Klook ชี้ให้เห็นถึง 5 เทรนด์สำคัญ ที่จะทำให้เข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ได้แก่
เทรนด์ 1 : หมดยุค“Revenge travel” นักท่องเที่ยวมิลเลนเนียลและเจน Z เป็นกลุ่มแรกๆ ที่พร้อมออกเดินทางนอกประเทศทันทีหลังจากที่นโยบายและข้อจำกัดของการเดินทางได้ผ่อนคลาย ดังนั้นเทรนด์ “Revenge travel” หรือ “ออกเที่ยวให้สะใจ” หลังจากที่เปิดประเทศจึงได้ตกยุคไปเรียบร้อยแล้วสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เพราะทริปที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไม่ใช่ทริปแรกหลังเปิดประเทศของพวกเขาอีกต่อไป จากผลสำรวจพบว่า ชาวมิลเลนเนียลและเจน Z ออกเดินทางในช่วงครึ่งปีหลังเพราะต้องการเติมเต็มความหมายของชีวิต และสร้างแรงบันดาลใจ โดยผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า 56% ของกลุ่มมิลเลนเนียลชาวไทยกำลังวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเดือน มิถุนายน-สิงหาคมนี้อีกด้วย
เทรนด์ 2: แรงบันดาลใจคือเหตุผลที่ทำให้ชาวมิลเลนเนียลออกเดินทาง ผลสำรวจเผยว่า 1 ใน 4 ของกลุ่มมิลเลนเนียลและเจน Z ในเอเชีย ออกเดินทางเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ โดย 44% บอกว่าได้รับแรงบันดาลใจจากการออกไปสัมผัสกับธรรมชาติ และ 28% เผยว่าได้รับแรงบันดาลใจจากการเที่ยวชมเมือง ทั้งนี้กลุ่มมิลเลนเนียล 1 ใน 3 มีความสนใจที่จะทำกิจกรรมที่ได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรม อาทิ การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ หรือการเข้าร่วมเวิร์คช็อปงานศิลปะ
เทรนด์ 3: เที่ยวเพื่อการพักผ่อน ตอบโจทย์มิลเลนเนียล ผลวิจัยยังได้สำรวจต่อไปว่า เมื่อชาวมิลเลนเนียลและเจน Z ตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวนั้น พวกเขาจะให้ความสำคัญกับแรงขับเคลื่อนทางอารมณ์แบบไหนมากที่สุด ซึ่งผลวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า 72% ของมิลเลนเนียลต้องการเดินทางเพื่อพักผ่อน โดยกิจกรรมที่เลือกก็จะเป็น ทำสปา, ขับรถเล่น, เดินเล่นชมธรรมชาติ หรือเรียนทำอาหารเป็นต้น ส่วน 59% ตอบว่า ต้องการเดินทางเพราะอยากสัมผัสกับอิสระ กิจกรรมที่กลุ่มนี้ชื่นชอบก็จะเป็น เที่ยวทะเล, เล่น Surf, พายคายัก, เล่นสกี เป็นต้น ส่วนอีก 47% ต้องการเดินทางเพื่อค้นหาความสนุก ผ่านกิจกรรมสวนน้ำสวนสนุก, ช้อปปิ้ง
เทรนด์ 4: ค้นหากิจกรรมท่องเที่ยวก่อนจองโรงแรม ในอดีต ลำดับการเตรียมจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวนั้น นักท่องเที่ยวมักจะจองตั๋วเครื่องบินเป็นลำดับแรก ตามด้วยจองโรงแรมที่พัก แล้วจึงวางแผนกิจกรรมท่องเที่ยว แต่จากข้อมูล SEM ของ Klook สะท้อนให้เห็นว่าในปัจจุบันนักท่องเที่ยวอย่างน้อย 20% ได้ค้นหากิจกรรมท่องเที่ยวในเมืองนั้นๆ ก่อนที่จะจองโรงแรม
เทรนด์ 5 : ชอบความชัวร์ จองล่วงหน้าก่อนของหมด โดยปกติแล้ว เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย พวกเขาจะมีช่วงเวลาการจองกิจกรรมท่องเที่ยวล่วงหน้าประมาณ 10-11 วัน ก่อนออกเดินทาง อย่างไรก็ตามข้อมูลภายในของ Klook ชี้ให้เห็นว่า สำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการการท่องเที่ยวที่มีจำกัด เช่นโรงแรมห้องพักและรถเช่า นักท่องเที่ยวจะมีแนวโน้มที่จะเตรียมจองล่วงหน้านานถึง 20 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาการจองล่วงหน้านานกว่ากิจกรรมท่องเที่ยวถึงเท่าตัว
Stay+ แพ็คเกจโรงแรมและกิจกรรมท่องเที่ยวยอดฮิต
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ Klook ได้เล็งเห็นและใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวเพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่า เมื่อจองการท่องเที่ยวผ่าน Klook จะได้รับสิ่งที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ตรงใจมากที่สุด โดยผลิตภัณฑ์แรกได้แก่ Stay+ (สเตย์ พลัส) ซึ่งเป็นแพ็คเกจการจองโรงแรมที่พัก ที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกโรงแรมที่ตนชื่นชอบ จากนั้นสามารถผนวกกิจกรรมการท่องเที่ยว หรือบริการรับส่งสนามบิน หรือ Wifi/ ซิมการ์ด รวมเข้าไปในแพ็คเกจโรงแรม โดยราคารวมของแพ็คเกจจะเป็นราคาที่คุ้มค่า และดีที่สุดในตลาด นักท่องเที่ยวสามารถได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% จากการจอง Stay+ บน Klook
“ณ ตอนนี้ มีโรงแรมในเมืองไทยร่วมทำแพ็คเกจ Stay+ กับ Klook มากกว่า 150 โรงแรม ผนวกรวมกับกิจกรรมมากกว่า 1,000 ชนิด ทำให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเมืองไทยมีทางเลือกในการทำกิจกรรมที่หลากหลาย ในราคาที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพ + บัตรเข้าชมมหานครสกายวอล์ค หรือโรงแรมภูเก็ตเกรซแลนด์ + บริการรถรับส่งสนามบิน ซึ่งลูกค้าสามารถได้รับส่วนลดคุ้มค่า และไม่ต้องเสียเวลาจองหลายรอบ โดย Stay+ นี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เรายินดีนำเสนอเป็นอย่างมาก เพราะผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้ออกไปทำกิจกรรมและได้ไปสัมผัสเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ มากยิ่งขึ้น” คุณวิลเฟร็ด ฟาน ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ บริษัท Klook กล่าวเพิ่มเติม
Klook Pass บัตรเดียว เที่ยวคุ้ม
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ทาง Klook ได้พัฒนาขึ้นล่าสุดและได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวคือ Klook Pass โดยคอนเซ็ปต์ของผลิตภัณฑ์นี้คือการรวบรวมเอากิจกรรมยอดฮิตมารวมไว้ในบัตรเดียว จากนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเลือกจำนวนกิจกรรมที่ต้องการ และสามารถเข้าชมกิจกรรมเหล่านั้นได้ในราคาสุดคุ้ม โดย Klook Pass นี้นอกจากจะสร้างความคุ้มค่าให้นักท่องเที่ยวและเพิ่มโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ แล้ว ยังช่วยให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถนำเสนอกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวของตนได้มากขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสการขายได้เป็นอย่างดี โดย Klook ได้พัฒนา Klook Pass นำเสนอกิจกรรมประเทศไทยด้วยเช่นกัน อาทิ Klook Pass กรุงเทพ & พัทยา, Klook Pass กรุงเทพสปาทรีทเม้นต์, Klook Pass ภูเก็ต, และ Klook Pass เชียงใหม่สปาทรีทเม้นต์ เป็นต้น
เผยต่างชาติเที่ยวไทย 5 เดือนแรกยอดจองกิจกรรมพุ่ง โต 1,200% จากการที่ Klook ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินกิจกรรมทางการตลาดภายใต้แคมเปญ “Let Your Journey be THAI” ในการผลักดันส่งเสริมต่างชาติให้เดินทางมาเที่ยวไทย ซึ่ง Klook ได้ดำเนินการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ตระหนักถึงความสวยงามและวัฒนธรรมของประเทศไทย ผ่าน 5F Soft Power ได้แก่ Food, Fight, Film, Festival, และ Fashion ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยว
คุณวิลเฟร็ด ฟาน ได้เปิดเผยว่า “Klook ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เรามียอดการจองกิจกรรมท่องเที่ยวไทยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงเพิ่มขึ้น 1,200% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 65 โดย 5 ประเทศหลักที่จองกิจกรรมไทยบนแพลตฟอร์ม Klook ได้แก่ ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และมาเลเซีย สำหรับกิจกรรมยอดนิยมในเมืองไทย ได้แก่ ทัวร์แบบ Day trip อาทิ ทัวร์ทะเลใต้, ทัวร์ชมเมืองประวัติศาสตร์อยุธยา กิจกรรมยอดนิยมลำดับถัดมาคือ กิจกรรมชมความสวยงามของเมืองไทย ได้แก่ ล่องเรือชมแม่น้ำเจ้าพระยา, ชมวิวกรุงเทพมหานครที่มหานครสกายวอล์ค ส่วนกิจกรรมอีกประเภทที่ได้รับความนิยมคือ สปา โดยชาวต่างชาติให้ความนิยมในการมาผ่อนคลายและทำสปาทั้งในกรุงเทพ, เชียงใหม่ และภูเก็ต”
สำหรับยอดการจองกิจกรรมท่องเที่ยวของชาวไทย ทั้งการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศและท่องเที่ยวภายในประเทศ ก็เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 700% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวไทย ได้แก่ ญี่ปุ่น, ยุโรป, สิงคโปร์, เที่ยวไทย และฮ่องกง ตามลำดับ ทั้งนี้กิจกรรมยอดนิยมของชาวไทย ได้แก่ การไปสวนสนุก, การซื้อบัตรโดยสารเดินทาง และการเข้าชมแหล่งท่องเที่ยว ในปี 2566 นี้ นับเป็นช่วงเวลาอันดียิ่ง ที่การท่องเที่ยวได้ฟื้นตัวกลับมา และนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้กลับมาเดินทางเพื่อค้นหาความสุขและแรงบันดาลใจอีกครั้ง