สิวหาย ไม่ได้แปลว่าปัญหาจะจบ ปัญหารอยหลุมสิว ฝันร้ายฝังลึก แต่งหน้ากลบก็ไม่มิด และ ไม่สามารถหายเองได้ตามธรรมชาติ ปัญหารอยหลุมสิวเกิดจากกระบวนการการรักษาตัวเองของร่างกายหลังเกิดการอักเสบจากการเป็นสิวบวกกับปัจจัยอื่นๆ ที่มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมเมื่อเกิดสิว ที่บางคนยากจะห้ามใจในการบีบแคะแกะเกาเวลาเป็นสิว หรือ ทิ้งปัญหาสิวไว้นาน จนเกิดอาการอักเสบลงลึกถึงผิวชั้นในโดยไม่รักษาอย่างถูกวิธี ประเภทของสิว ก็มีส่วนส่งผลให้เกิดปัญหารอยหลุมสิวโดยเฉพาะสิวประเภท สิวหัวช้าง หรือ สิวอักเสบมีผลต่อการอักเสบใต้ชั้นผิว ชั้นผิวหนังที่เกิดปัญหาสิวก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ยิ่งลึก ยิ่งเพิ่มโอกาสการเกิดปัญหาหลุมสิว เพราะร่างกายจะเกิดการสร้างพังผืดใต้ชั้นผิว เพื่อพยายามรักษาแผล ส่งผลให้เกิดการดึงรั้งผิวด้านบนให้ยุบตัวลง
ประเภทของหลุมสิวทั้ง 3 แบบ
หลุมสิว Rolling scar : ระดับความรุนแรงน้อยที่สุด
วิธีการทดสอบที่ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองคือการดึงผิวด้านข้าง หลุมสิวจะดูเรียบเนียนเหมือนกับบริเวณรอบๆ แต่เมื่อปล่อยการดึง หลุมสิวก็จะกลับมาเหมือนเดิม หลุมสิวประเภทนี้สามารถทำการรักษาได้ง่ายที่สุด เพราะผิวหนังแท้ไม่ได้หายไป
หลุมสิว BoxCar scar : ความรุนแรงระดับกลาง
พบได้บ่อยที่บริเวณแก้มและขมับ หลุมสิวประเภทนี้ปากหลุมมีความกว้างประมาณ 3-5 มิลลิเมตร สามารถระบุขอบเขตของปากหลุมสิวได้ชัดเจน เกิดจากการที่ผิวชั้นหนังแท้บางส่วนหายไป ทำให้ความหนาของระดับผิวไม่เท่ากันกับบริเวณอื่น
หลุมสิว Ice Pick scar : ความรุนแรงระดับสูงสุด
หลุมสิวที่รักษายากที่สุด ลักษณะปากหลุมคล้ายกับกรวย มีความเล็ก และ แคบ น้อยกว่า 2 มิลลิเมตร แต่ก้นหลุมมีความลึกมากไปจนถึงชั้นหนังกำพร้า พบได้บ่อยช่วงบริเวณแก้ม การรักษาหลุมสิวที่มีระดับความรุนแรงสูงสุดนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการพิจารณาออกแบบการรักษาให้ตรงจุด
การป้องกันการเกิดหลุมสิวเน้นไปที่การลดการเกิดสิวซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา เริ่มต้นจากการดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี และ ลดทานอาหารไขมันสูง แต่เมื่อบางที การเป็นสิวก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ การดูแล และ รักษาสิวอย่างถูกวิธีก็ช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาหลุมสิวตามมาในอนาคตได้ หลักๆ เน้นการรักษาสิวอย่างถูกวิธี พบแพทย์ และ ลดพฤติกรรมบีบแคะแกะเกา
สำหรับใครที่กำลังมีปัญหารอยหลุมสิวก็ไม่ต้องหวั่นใจไป ลองมาดูวิธีการรักษารอยหลุมสิวทั้ง 5 รูปแบบ ทั้งที่ทำได้ด้วยตนเอง หรือ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์
1. วิธีธรรมชาติ ทำได้ด้วยตัวเอง เน้นการใช้ผัก ผลไม้ ที่มีกรด AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้หลุมสิวตื้นขึ้น เช่น มะละกอ ว่านหางจระเข้ ใบบัวบก
2. การใช้เลเซอร์ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ ผลัดเซลล์ผิวเก่า
3. การใช้คลื่นวิทยุ กระตุ้aนคอลลาเจนใต้ผิว พลังงานไม่จับกับเม็ดสี เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
4. การฉีดฟิลเลอร์ ผลลัพธ์รวดเร็วด้วยการเติมหลุมสิวด้วยฟิลเลอร์
5. การผ่าตัดศัลกรรมหลุมสิว แล้วเย็บแผลให้ติดกัน
พร้อมชวนทุกคนมารู้จัก เทคนิคการรักษารอยหลุมสิวใหม่ล่าสุดที่ให้ประสิทธิภาพเยี่ยม กับ “Venus Viva MD” มีประสิทธิภาพ ด้วยการส่งพลังงานเข้าชั้นผิวได้แม่นยำให้ทุกส่วนของผิวหนังได้พลังงานเท่ากัน เจ็บน้อย พักฟื้นเพียง 2-3 วัน มาตรฐาน USFDA
ใครที่ประสบปัญหาหลุมสิวกวนใจ แนะนำปรึกษาคุณหมอป๊อปผู้เชียวชาญจาก Ve’anna Clinic เพื่อออกแบบการรักษารอยหลุมสิวอย่างตรงจุดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ทวงคืนผิวเรียบเนียนพร้อมเผยผิวโชว์ไม่ต้องปกปิด