นายรักษ์ศักดิ์ สุริยหาร รองผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า กปน. ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและน้ำต้นทุนในเขื่อนหลักมาโดยตลอดตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา พบว่า ขณะนี้มีปริมาณน้ำมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 แต่ยังต้องเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงในแม่น้ำเจ้าพระยา หากน้ำทะเลรุกสูงมากกว่า 90 กิโลเมตร จากปากอ่าวไทย จะส่งผลกระทบต่อสถานีสูบน้ำดิบสำแล อ.เมือง จ. ปทุมธานี อันเป็นจุดรับน้ำดิบเพื่อนำมาผลิตน้ำประปา โดยจะส่งผลให้น้ำประปามีรสชาติเปลี่ยนแปลงไปในบางช่วงเวลา ในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ที่อยู่บริเวณฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่คุณภาพน้ำประปายังคงสะอาดปลอดภัยตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งรับน้ำประปาจากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ทั้งนี้ กปน. ได้เปิดศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์น้ำตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้ง โดยเตรียมแผนปฏิบัติการ Water Hammer Operation (กระแทกลิ่มความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา) ร่วมกับกรมชลประทาน เพื่อผลักดันลิ่มความเค็มให้ห่างจากสถานีสูบน้ำดิบสำแลมากที่สุด โดยจะเริ่มปฏิบัติการครั้งที่ 1 ในระหว่างวันที่ 17-20 มกราคม 2565 รวมทั้งแผนรองรับอื่น ๆ เช่น บริหารจัดการช่วงเวลาสูบน้ำดิบเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำดิบที่มีลิ่มความเค็มสูง บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ กปน. ได้พัฒนาระบบแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำดิบแบบ real time ทางเว็บไซต์ rwc.mwa.co.th / ระบบแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำประปาแบบ real time ทางเว็บไซต์ twqonline.mwa.co.th และแอปพลิเคชัน MWA onMobile และหากสถานการณ์น้ำทะเลหนุนรุนแรงขึ้น กปน. จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ผ่านการติดตามคุณภาพน้ำประปารายวันในช่องทางออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง Facebook / Line / Twitter และ Instagram : @MWAthailand เพื่อให้ประชาชนวางแผนการใช้น้ำประปาและสำรองน้ำประปาได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที