- สหราชอาณาจักร เผย 6 มาตรการ เสริมความมั่นใจนักเรียนไทยไปเรียนอังกฤษในปี 2564 “ดูแลในช่วงกักตัว” “เงินสนับสนุนพิเศษ” “ดูแลด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี” “การเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข” “การตรวจเชื้อโควิด” และ “การเข้าถึงวัคซีนโควิด”
- เผยสถิติสาขาวิชาที่คนไทยเลือกเรียนต่อมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ สาขาการจัดการธุรกิจ 60% สาขากฎหมาย 10% สาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี 6% สาขาสังคมศาสตร์ 5% และสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และการออกแบบ 3%
สหราชอาณาจักร ยังคงเป็นเป้าหมายอันดับ 1 สำหรับนักเรียนไทย
บริติช เคานซิล ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เปิดข้อมูลการศึกษาต่อสหราชอาณาจักรล่าสุดพบว่ามีนักเรียนไทยศึกษาที่สหราชอาณาจักรจำนวน 6,880 คน หรือคิดเป็น 45% จากจำนวนนักศึกษาไทยที่เลือกศึกษาต่อ ณ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด 15,457 คน
โดยสาขายอดนิยมของนักเรียนไทยที่เลือกไปเรียนต่อนั้นยังคงเป็นด้านการจัดการธุรกิจทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท
ปริญญาโทนั้นคิดเป็นจำนวนสูงถึง 60% ตามด้วยสาขากฎหมาย 10% สาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี 6% สาขาสังคมศึกษา 5% และสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และการออกแบบ 3% พร้อมเน้นย้ำสหราชอาณาจักรยังคงต้อนรับนักศึกษานานาชาติตลอดเวลา
พร้อมเตรียม 6 มาตรการรองรับ ได้แก่ 1) การดูแลด้านอาหารและเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาที่ต้องกักตัว 2) การดูแลพิเศษสำหรับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ 3) การดูแลด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี 4) การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ 5) การตรวจเชื้อโควิด-19 และ 6) การเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบเทียบเท่าพลเมืองสหราชอาณาจักร โดยคาดว่า สหราชอาณาจักรจะยังคงเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของนักศึกษานานาชาติที่เลือกศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา
พร้อมกันนี้ บริติช เคานซิล เตรียมมอบทุน GREAT Scholarships สำหรับการศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ สหราชอาณาจักร และทุน Women in STEM ทุนการศึกษาแบบเต็มจำนวนสำหรับผู้หญิงในแวดวงด้าน STEM และต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหราชอาณาจักร
นางเฮลก้า สเตลมาเกอร์ ผู้อำนวยการ บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า บริติช เคานซิล องค์กรนานาชาติเพื่อความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและโอกาสทางการศึกษาจากสหราชอาณาจักร ที่ทำงานร่วมกับประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทย ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คนในทางที่ดีขึ้นผ่านงานด้านภาษาอังกฤษ อุดมศึกษา และศิลปวัฒนธรรม สหราชอาณาจักรมีชื่อเสียงด้านคุณภาพการเรียนการสอนและการวิจัยติดอันดับโลก อ้างอิงจากการจัดอันดับของ Times Higher Education ในปี 2564 ยกย่องให้สหราชอาณาจักรมีมหาวิทยาลัยถึง 2 แห่งที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 10 แห่งของโลก ซึ่งรวมไปถึงมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกอย่าง มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่มีคุณภาพอยู่ทั่วประเทศ โดยมีมหาวิทยาลัย 7 แห่งที่ติดอันดับท็อป 50 ของโลก และอีก 26 แห่งที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 200 แห่งของโลก ตลอดจนมหาวิทยาลัย 162 แห่งในสหราชอาณาจักรล้วนจัดการเรียนการสอนอย่างเข้มงวดภายใต้มาตรฐานกำกับดูแลของรัฐบาล
นางสาวอเล็กซานดรา เเมคเคนซี อัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สหราชอาณาจักรยังคงมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับด้านอุดมศึกษา และยังคงยินดีต้อนรับนักเรียน นักศึกษาต่างชาติอยู่เสมอ โดยทางสหราชอาณาจักรเองได้คอยเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมมาตรการรองรับที่เป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาต่างชาติในการเดินทางมาศึกษาที่สหราชอาณาจักร ดังนี้
- การดูแลด้านอาหาร และเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาที่ต้องกักตัว รัฐบาลได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรดูแลเรื่องอาหาร ยารักษาโรค และเครื่องใช้ที่จำเป็นต่าง ๆ สำหรับนักศึกษาที่ต้องทำการกักตัว รวมถึงทำหน้าที่เป็นผู้ให้ข้อมูลและคำปรึกษาในเรื่องคำถามต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19
- การดูแลพิเศษสำหรับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ ฝ่ายกิจการนักศึกษาและสนับสนุนนักศึกษานานาชาติ พร้อมที่จะให้คำแนะนำและการดูแลเป็นพิเศษสำหรับนักศึกษาที่มีความเสี่ยงเข้าข่ายกลุ่มบุคคลเปราะบาง (vulnerable persons) รวมไปถึงมีการจัดเตรียมกองทุนพิเศษเพื่อสนับสนุนกลุ่มนักเรียนที่ได้รับผลกระทบและต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งรวมไปถึงค่าที่อยู่อาศัยและอุปกรณ์การเข้าถึงการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์
- การดูแลด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี ทางมหาวิทยาลัยจะมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อต้อนรับนักศึกษาทุกคน และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนักศึกษาภายใต้มาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณะสุข ซึ่งในหลายมหาวิทยาลัยได้จัดให้มีการจับคู่บัดดี้ระหว่างนักศึกษานานาชาติเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี และกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และข้อแนะนำต่าง ๆ ระหว่างเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน
- การเข้าถึงบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพอนามัย นักศึกษาต่างชาติทุกคนสามารถติดต่อรับบริการทางด้านสาธารณสุข โดยระบบการดูแลสุขภาพ (NHS) ของสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมถึงบริการออนไลน์ และบริการสำหรับกรณีฉุกเฉินด้วย
- การตรวจเชื้อโควิด-19 หลังจากที่นักศึกษาต่างชาติผ่านมาตรการเข้าเมืองแล้ว จะต้องผ่านกระบวนการตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยไม่แสดงอาการเพื่อป้องกันการติดต่อ ตามข้อปฏิบัติของมหาวิทยาลัย โดยมีการตั้งเป้าไว้ว่าจะมีการจัดจุดตรวจในพื้นที่ของแต่ละมหาวิทยาลัยเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทุกคน
- การเข้าถึงวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 นักศึกษาต่างชาติที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรและได้ทำการลงทะเบียนเข้าระบบการรักษาแบบแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป (GP) จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยพิจารณาตามเกณฑ์เดียวกันกับพลเมืองของสหราชอาณาจักรเอง
นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา สหราชอาณาจักร ยังได้มีประกาศข้อเสนอใหม่ The Graduate Route ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติที่ศึกษาจบระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสหราชอาณาจักร สามารถสมัครเพื่ออยู่ทำงานต่อได้เป็นเวลา 2 ปี (และ 3 ปี สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาเอก) โดยแม้จะเป็นผู้ที่เรียนในรูปแบบผสมผสาน หรือเรียนผ่านระบบออนไลน์ ก็ยังคงสามารถสมัครได้เช่นเดิมเพียงแต่ต้องศึกษาอยู่ ณ สหราชอาณาจักรในเทอมสุดท้าย รวมไปถึงล่าสุดได้มีการปรับปรุงวีซ่าสำหรับนักเรียนใหม่ภายใต้ชื่อ The Student Route ที่ทำให้นักเรียน นักศึกษาต่างชาติสามารถสมัครวีซ่าได้ล่วงหน้าก่อนที่คอร์สเรียนจะเริ่มนานถึง 6 เดือน โดยที่เมื่อเรียนจบแล้วสามารถสมัคร The Graduate Route ต่อได้อีกด้วย โดยมาตรการทั้งหมดข้างต้นเป็นการสนับสนุนความหลากหลายทางวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักร ซึ่งนักเรียนต่างชาติมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้เกิดความหลากหลายในสังคมการเรียน และทำงานในสหราชอาณาจักร โดยทางสหราชอาณาจักรได้ตั้งเป้าจะมีจำนวนนักศึกษาต่างชาติมากถึง 600,000 คน ในปี 2573 นางสาวอเล็กซานดรา กล่าวเพิ่มเติม
นางสาวอุไรวรรณ สะโมลี หัวหน้าฝ่ายบริการการศึกษาต่อสหราชอาณาจักร บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า สหราชอาณาจักรยังคงเป็นจุดหมายหลักในการศึกษาต่อด้านอุดมศึกษาของคนไทย โดยในปีการศึกษา 2561/62 มีนักศึกษาไทยเลือกศึกษาต่อ ณ สหราชอาณาจักรมากถึง 6,880 คน หรือคิดเป็น 45% จากจำนวนนักศึกษาไทยที่เลือกศึกษาต่อต่างประเทศในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด 15,457 คน โดยรองลงมาเป็น สหรัฐอเมริกาจำนวน 5,451 คน หรือคิดเป็น 35% ออสเตรเลียจำนวน 2,528 คน หรือคิดเป็น 16% และแคนาดาจำนวน 598 คน หรือคิดเป็น 4% ซึ่งสาขายอดนิยมของนักเรียนไทยที่เลือกไปเรียนต่อนั้นยังคงเป็นด้านการจัดการธุรกิจทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท โดยสำหรับปริญญาโทนั้นคิดเป็นจำนวนสูงถึง 60% ตามด้วยสาขากฎหมาย 10% สาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี 6% สาขาสังคมศึกษา 5% และสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และการออกแบบ 3%
นางสาวอุไรวรรณ กล่าวเพิ่มว่า บริติช เคานซิล ยังคงเดินหน้าส่งเสริมการศึกษาต่อสหราชอาณาจักร โดยมีเป้าหมายเตรียมความพร้อมให้นักเรียนไทยศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักรในปีการศึกษา 2564/65 หรือที่จะเริ่มต้นในช่วงเดือนสิงหาคม 2564 นี้ โดยบริติช เคานซิล ยังคงเชื่อมั่นว่า สหราชอาณาจักร จะยังคงเป็นเป้าหมายอันดับ 1 สำหรับคนไทยในการเลือกศึกษาต่อถึงแม้ว่าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งความโดดเด่นด้านวิชาการและงานวิจัยต่าง ๆ ของสหราชอาณาจักร มาตรการที่พร้อมต้อนรับนักศึกษาต่างชาติตลอดเวลา การดูแลด้านสุขภาพอนามัยของนักศึกษาต่างชาติ รูปแบบวีซ่าที่รองรับการทำงานต่อหลังศึกษาจบ และทุนการศึกษาต่าง ๆ มากมาย ซึ่งในปีนี้บริติช เคานซิล มีการมอบทุน GREAT Scholarships สำหรับศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ สหราชอาณาจักร จำนวนรวม 28 ทุน มูลค่าทุนละ 10,000 – 26,000 ปอนด์ (415,000 – 1,080,000 บาท) รวมเป็นจำนวนกว่า 11,500,000 บาท และทุน Women in STEM ทุนการศึกษาแบบเต็มจำนวนสำหรับผู้หญิงในแวดวงด้าน STEM และต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหราชอาณาจักร โดยนอกจากทุนจะครอบคลุมค่าเทอม ค่าที่พักอาศัย และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลแล้ว จะยังครอบคลุมการสนับสนุนพิเศษสำหรับผู้ที่มีบุตร และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอร์สปรับพื้นฐานภาษาของมหาวิทยาลัยอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจจะศึกษาต่อยังสหราชอาณาจักร สามารถใช้เวลาในช่วงนี้เตรียมพร้อมศึกษารายละเอียดคอร์สเรียนและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของทางมหาวิทยาลัย รวมถึงเป็นช่วงที่ดีสำหรับการสมัครเข้าร่วมทุนการศึกษาต่าง ๆ ตลอดจนเข้าลองศึกษาคอร์สเรียนฟรีต่าง ๆ จากมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร และติดตามการอัพเดทข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากทางมหาวิทยาลัย รัฐบาลอังกฤษ และข้อกำหนดในการเดินทางระหว่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับปีการศึกษา 2564/65 ที่กำลังจะถึงในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคมนี้ นางสาวอุไรวรรณ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ บริติช เคานซิล ได้จัดงานแถลงเตรียมความพร้อมศึกษาต่อสหราชอาณาจักรในปี 2564 (Get Ready for Study UK 2021) ขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ บริติช เคานซิล สยามสแควร์ อาคารวิทยกิตติ์ กรุงเทพฯ ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ https://study-uk.britishcouncil.org และ www.britishcouncil.or.th หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ British Council Thailand