ประเด็นน่าสนใจ
- “เพนกวิน-อานนท์“ ยันไม่ได้ขัดแย้งกับ #เยาวชนปลดแอก หลังชูระบอบคอมมิวนิสต์ เผยเป็นเสรีภาพที่เสนอความเห็นได้
- ย้ำแนวทางต่อสู้หลักคือ 3 ข้อเรียกร้อง
- แนะควรประเมินมวลชนและแนวคิดไปสู่ความสำเร็จ
วันนี้ (16 ธ.ค.63) ที่ สน.สำราญราษฎร์ นายอานนท์ นำภา และ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร พร้อมทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าพบพนักงานสอบสวน โดย นายอานนท์ รับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในคดีอาญา มาตรา 112 ด้านนายพริษฐ์ รับทราบข้อกล่าวหา มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า จากการชุมนุมทวงคืนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา
โดยภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหา นายอานนท์ กล่าวว่า การแจ้งข้อกล่าวหาครั้งนี้ ตนโดนหลายข้อหาหนึ่งในนั้นคือ มาตรา 112 แต่ได้ให้การปฏิเสธแล้วเดี๋ยวจะให้ปากคำเพิ่มเติม 25 ม.ค. 64 ส่วนกรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอกเสนอแนวคิดเรื่องระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์นั้น
นายอานนท์ ระบุว่า ขบวนของเรามีความเห็นที่หลากหลาย แต่เรามีจุดร่วม คือ ข้อเรียกร้องทั้งสามข้อ ซึ่งทุกอย่างคือสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก มีจุดยืนในการที่จะนำบ้านเมืองไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากใครมีมิศทางเพิ่มเติมก็สามารถคุยกันได้ เพราะเราเชื่อในระบอบประชาธิปไตย แต่การเคลื่อนไหวของกระบวนการ เวลามีคนตั้งคำถามหรือเสนออะไรที่แปลกใหม่ทำให้มวลชนได้ขบคิด และเราได้มีฉันทามติร่วมกันทั้งหมดสามข้อ เรื่องสำคัญที่สุด คือ การปฏิรูปสถาบัน นี่ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่คือความเห็นที่แตกต่างกัน
อีกทั้ง การปกครองมีหลายรูปแบบ แต่ความเป็นได้ คือ การเห็นด้วยของคนในสังคม และประเทศไทยเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้ามีความเห็นในระบอบอื่น ก็ควรเป็นเรื่องหนึ่งที่สามารถจะถกเถียง และแสดงความคิดเห็นได้ ส่วนข้อเรียกร้องหลักที่ประชาชนออกมาเรียกร้องนั้น คือ ฉันทามติประชาชน เราเคยถูกลดให้เหลือแค่สองข้อ ส่วนตัวมองว่าทุกอย่างมันสมบูรณ์แล้วกับข้อเรียกร้องทั้งสามข้อสำหรับสิทธิเสรีภาพของมวลชน
เมื่อถามถึง กลุ่มไทยภักดี ตั้งแคมเปญรณรงค์ให้ประชาชนไปแจ้งความดำเนินคดี มาตรา 112 กับคนที่เห็นต่างนั้น นายอานนท์ ระบุว่า ตอนนี้เราไปไกลมากกว่า มาตรา 112 เราพูดถึงการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เพราะเราจะต้องพูดถึงข้อบกพร่องของประเทศ แต่เราพูดในฐานะของราษฎรที่เราออกมาพูดเพื่อให้เกิดการแก้ไข ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกตั้งข้อหา เราจะต้องไปสู้กันในศาล ซึ่งบางคนก็นำข้อความไปโพสต์แล้วโดนข้อหาผิด มาตรา 112 เริ่มจะเลอะเทอะ ขอฝากเตือนไปยังบุคคลที่แจ้งความ หากคดีที่ไม่ได้เข้าข่ายแต่ยังมาแจ้งเราก็มีทีมงานที่พร้อมจะฟ้องกลับเช่นกัน
และรัฐบาลกลัวความเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่ อย่างการจัดคอนเสิร์ตที่เขาใหญ่ ก็สั่งให้ยุติ แต่กิจกรรมอื่นที่มีประชาชนเข้าร่วมเยอะสามารถทำได้ ทุกอย่างเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เราต้องดูด้วยว่าคนรุ่นใหม่ต้องการสิ่งไหน ต้องการการเปลี่ยนแปลง ความเสมอภาค คนที่รับฟังขอให้ฟังอย่างมีสติอยากให้ปิดปากกัน นายอานนท์ กล่าว
ด้านนายพริษฐ์ ได้กล่าวถึงกรณีที่โพสต์เฟสบุ๊กส่วน ของขบวนการเคลื่อนไหว ว่าไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มเยาวชนปลดแอก โดยยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เป็นสมาชิกของเยาวชนปลดแอก และทำงานกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมมาโดยตลอดแต่มีทำงานร่วมกันบ้าง ซึ่งก็เคารพและมองว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดกลุ่มเยาวชนปลดแอกจะแสดงออก และยืนยันว่า ตนเองต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพความเท่าเทียมและรัฐสวัสดิการ จึงตกผลึกเป็นสามข้อเรียกร้องของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และมองว่าถ้าหากปฏิรูปสถาบันฝ่ายกษัตริย์ได้ข้อเรียกร้องข้ออื่นๆก็จะบรรลุผลไปด้วย
ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าเนื้อหาของ กลุ่มเยาวชนปลดแอกไปได้กับขบวนการเคลื่อนไหวครั้งนี้หรือไม่ เพราะการต่อสู้ไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของทุกคนที่ออกมาร่วมกัน พร้อมยกตัวอย่าง ในวันที่ 10 ส.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อ หากวันนั้นถ้าประชาชนไม่สนใจ ก็คงไม่สามารถไปต่อได้
ทั้งนี้ขอฝากถึงกลุ่มเยาวชนปลดแอก ขอให้ประเมินมวลชนดี และให้ประเมินด้วยว่าแนวคิดจะนำไปสู่ความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเสนอแนวคิดหรือเนื้อหาต่างๆเป็นสิทธิเสรีภาพไปในเชิงการเคลื่อนไหว และตนเองก็ ไม่ใช่พวกสนับสนุนนายทุนผูกขาด แต่สนับสนุนรัฐสวัสดิการ ยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งกัน เพราะใช้แนวทาง แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง แยกกันเดินร่วมกันตี และใครเห็นด้วยกับข้อเสนอ3ข้อ ก็พูดคุยกันได้ เพนกวิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ด้านนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอทท่อมบูลส์ ที่เดินทางมาพร้อมกันได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในคดีการชุมนุมสาดสีใส่ตำรวจเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยนายไชยอมร กล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานระหว่างอยู่ในเรือนจำจากการชุมนุมวันดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมาจากการที่ตนผลักเจ้าหน้าที่ ส่วนคดีเรื่องการสาดสีนั้น อัยการยังเห็นควรไม่สั่งฟ้องคดี จึงเลื่อนการพิจารณาออกไปในช่วงปี 2564