ชาวบ้านโวย เจ้าอาวาสแอบขายต้นพะยูงขนาด 5 คนโอบ อายุกว่า 200 ปี ด้านเจ้าอาวาสยอมรับว่ากระทำไปโดยไม่ได้สอบถามความเห็นของชาวบ้าน
วันนี้ (9 พ.ค. 62) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดหนองไผ่ ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อตรวจสอบเรื่องราวความเป็นจริง หลังได้รับแจ้งว่า ที่วัดดังกล่าว เจ้าอาวาสได้แอบลักลอบตกลงขายต้นพะยูงให้กับนายทุน หลังจากที่นายทุนจ่ายเงินมัดจำแล้วก็ได้ส่งคนเข้ามาตัดไม้พะยูง ในวัดกลางวันแสกๆ
เมื่อไปถึงได้พบกับนายทองดี ด้วงนิล อายุ 77 ปี อดีตกำนันตำบลหนองไผ่ พร้อมตัวแทนชาวบ้านพาผู้สื่อข่าวเดินไปดูต้นไม้พะยูงขนาดใหญ่ขนาด 5 คนโอบ อายุกว่า 200 ปี ด้านนอกของต้นพะยูงมีต้นโพธิ์ขึ้นโอบปิดลำต้นพะยูง ลำต้นโพธิ์ที่โอบต้นพะยูงสูงจากพื้นประมาณ 1.20 เซนติเมตรมีรอยถูกเลื่อยลึกเข้าไป สูงขึ้นไปอีก 1 เมตรมีรอยเลื่อยอีก คาดว่ากลุ่มค้าไม้จะเลื่อยเพื่อแกะต้นโพธิ์ออกให้เห็นต้นไม้พะยูง เพื่อจะดูเนื้อไม้พะยูงว่ามีแกนไม้สวยหรือไม่สวย สามารถนำไปขายได้หรือไม่
นายทองดี ด้วงนิล อดีตกำนันตำบลหนองไผ่ กล่าวว่า ไม้พะยูงต้นนี้ ตนเกิดมาก็เห็นต้นขนาดนี้แล้ว ปีนี้ตนอายุ 77 ปี จึงคาดว่าไม้พะยูงต้นนี้อายุน่าจะไม่ต่ำกว่า 250 ปี เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 เวลา 11.00 น.ตนได้ยินเสียงเครื่องเลื่อยยนต์ดังขึ้นบริเวณวัดซึ่งก็อยู่ห่างจากบ้านตนไม่ถึงสองร้อยเมตร จึงเดินไปดูก็พบชาย 8 คนกำลังเลื่อยต้นไม้พะยูงอยู่ ตนจึงเดินไปเปิดเครื่องเสียงหอกระจายข่าวประกาศให้ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้านและชาวบ้านให้มาช่วยกันขอร้องกลุ่มที่กำลังตัดไม้ให้หยุดการตัดไว้ก่อน
เนื่องจากเป็นไม้ที่ชาวบ้านเขาหวงแหน ไม้พะยูงต้นนี้ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเวลาต้องการอะไรก็มากราบไหว้ อธิษฐานขอให้สำเร็จในเรื่องต่างๆ พอตนประกาศเสร็จ กลุ่มชายที่เลื่อยไม้พะยูงอยู่ก็พากันเก็บเลื่อยขึ้นรถขับออกจากวัดหนีไป ซึ่งตนไม่ได้จำว่าเป็นรถยี่ห้อ ทะเบียนอะไร
นายทองดี กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่กลุ่มชายที่เข้ามาตัดไม้พะยูงหนีไปแล้ว จึงได้นัดแนะกับชาวบ้านให้ไปประชุมที่วัดในตอนค่ำวันเดียวกัน ขณะที่ชาวบ้านประชุมกันอยู่นั้น พระครูสันติธรรมานุวัตร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ และเจ้าอาวาสวัดหนองไผ่ ได้เข้ามาที่ประชุม พร้อมกับได้ยอมรับในที่ประชุมว่า ท่านเป็นผู้ที่ตกลงขายไม้พะยูงให้กับนายทุนที่มาขอซื้อในราคา 630,000 บาท นายทุนได้จ่ายเงินมัดจำไว้แล้ว 20,000 บาท พร้อมกันนั้น ท่านได้ยอมรับว่ากระทำไปโดยไม่ได้สอบถามความเห็นของชาวบ้าน
ดังนั้น ตนเห็นว่า การกระทำของเจ้าอาวาสซึ่งท่านก็เป็นพระผู้ใหญ่ เป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมือง แต่การกระทำของท่านเป็นการทำโดยพลการ จึงไม่เหมาะสมตนเห็นว่า ผู้ใหญ่ขึ้นไป อย่างเจ้าคณะจังหวัด หรือข้าราชการฝ่ายบ้านเมืองอย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ ควรที่จะเข้ามาว่ากล่าวตักเตือนเจ้าอาวาสวัดหนองไผ่ เพื่อไม่ให้กระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมอีกต่อไป” นายทองดี กล่าว
ผู้สื่อข่าวพยายามจะเข้าไปพบ พระครูสันติธรรมานุวัตร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ เจ้าอาวาสวัดหนองไผ่ เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าว ให้ท่านได้ชี้แจง แต่พระครูสันติธรรมานุวัตร ไม่ยอมพูด ไม่ยอมชี้แจงใดๆ โดยบอกในน้ำเสียงตะคอกใส่ผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีอะไรจะพูด เรื่องยุติแล้วไม่พูดแล้ว จากนั้นท่านก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ