ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวถึง 3 เหตุผลที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.
วันนี้ (14 พ.ค.62) ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวถึง 3 เหตุผลที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
โดยนายธนาธร กล่าวว่า 3 เหตุผลที่ไม่ควรให้ คสช. สืบทอด โดยใช้กรณีศึกษาจาก 3 เดือน หลังมีการประกาศกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ซึ่งมองว่ารัฐบาล คสช. ควรมีอำนาจเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการเท่านั้น มิควรออกนโยบายที่จะไปเกี่ยวโยงหรือเป็นภาระผูกพันไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ โดย 3 เหตุผลสำคัญคือ
1.มีการใช่ภาษีของประชาชน และใช้ทรัพยากรของประเทศเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนที่ใกล้ชิดกับ คสช. ยกตัวอย่างเช่น ‘การบินไทย’ ที่มีผู้ถึงหุ้นคือกระทรวงการคลัง 51% และกองทุนวายุภักษ์อีก 15% ซึ่งนั้นหมายความว่า เป็นภาษีของประชาชนแล้วถึง 66% ของการบินไทย และสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ คือมีการผลักดันในการสั่งซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำ มูลค่าประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะมีผลภาระผูกพันจากรัฐบาลนี้ไปถึงในรัฐบาลชุดถัดๆไป โดยหากมองจากผลประกอบการของการบินไทยแล้ว ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก
นอกจากนี้ยังมีการใช้มาตรา 44 ในการให้โอกาสกับสื่อทีวีดิจิทัลในการคืนใบอนุญาตประกอบ และการยืดระยะเวลาการชำระหนี้การประมูล 4G ของ 3 ข่ายมือถือยักษ์ของประเทศ
2.ทำการกระจายอำนาจถอยหลังลง โดยการดึงอำนาจกลับสู่รัฐส่วนกลาง โดย คสช. มีการออกกฎหมาย 6 ฉบับ เกี่ยวระบบการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีการประกาศใช้ในวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพรรคอนาคตใหม่มองว่ากฎหมายที่ออกมานี้ เป็นโทษต่อการพัฒนาประเทศ โดยมีการเพิ่มอำนาจส่วนกลางเพื่อควบคุมท้องถิ่น การลดอำนาจทำลายความอิสระในการบริหารจัดการ และลดความสำคัญของการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยทางพรรคอนาคตใหม่มองว่ารัฐบาลควรกระจายอำนาจกลับไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากกว่า
3.การลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน โดยการเพิ่มอำนาจให้หน่วยงานภาครัฐสามารถตรวจสอบข้อมูลของภาคประชาชนได้อย่างอิสระ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่มองว่าประชาชนมีการใช้โซเชียลที่ทำให้เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ทำให้ประชาชนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ และเป็นการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
สำหรับ 11 พรรคที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐนั้น ตนไม่ได้มองเป็นศัตรูแต่อย่างใด แต่มองว่าเป็น กกต. ที่แย่งคะแนนกว่า 6 แสนคะแนนจากพรรคอนาคตใหม่ไป ดังนั้นยืนยันว่าตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับ 11 พรรคดังกล่าว ถึงแม้จะมีจุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างกัน ซึ่งนั้นเป็นผลมาจากการเคาะสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของกกต.