พระค้ายา ยาเสพติด เจ้าคณะตำบลขนยาบ้า

ตำรวจบุกจับ เจ้าคณะตำบล ร่วมแก๊งลักลอบขนยาบ้า 4.8 ล้านเม็ด

บช.น. แถลงผลการจับกุม แก๊งลักลอบขนยาเสพติดรายใหญ่ มีพระครูเจ้าคณะตำบล ร่วมขบวนการด้วย

Home / NEWS / ตำรวจบุกจับ เจ้าคณะตำบล ร่วมแก๊งลักลอบขนยาบ้า 4.8 ล้านเม็ด

ประเด็นน่าสนใจ

  • บช.น. แถลงผลการจับกุม แก๊งลักลอบขนยาเสพติดรายใหญ่ มีพระครูเจ้าคณะตำบล ร่วมขบวนการด้วย
  • โดยพระครูฯ รับสารภาพเคยทำแบบนี้มาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งก่อนหน้านี้คือเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม
  • พร้อมยึดของกลางยาบ้า 4.8 ล้านเม็ด, อาวุธปืน 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนปืน, รถยนต์ 2 คัน และโทรศัพท์มือถืออีก 11 เครื่อง

วานนี้ (23 พ.ย.63) ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ บช.น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการจับกุม พระครูสุเมธปริยัติกิจ หรือ ณัฏฐภูมินทร์ อายุ 39 ปี, พระมหา หรือ สิญจน์สุเมธ อายุ 30 ปี, นายภาณุวิชญ์ หรืออั๋น อายุ 26 ปี, นายพิชัย หรือชัย อายุ 44 ปี และนายสำเริง หรือหนุ่ม อายุ 44 ปี พร้อมยึดของกลางยาบ้า 4.8 ล้านเม็ด, อาวุธปืน 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนปืน, รถยนต์ 2 คัน และโทรศัพท์มือถืออีก 11 เครื่อง

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. ชุดจับกุม สืบสวน ขยายผลจนทราบว่า มีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ได้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากทาง ภาคเหนือ โดยใช้รถยนต์ดู้บรรทุกยาเสพติดมาส่งให้กับลูกค้าบริเวณพื้นที่ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท โดยมีพระภิกษุนั่งมากับรถยนต์คันดังกล่าว เพื่อเป็นการอำพรางและลดความสงสัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

กระทั่งวันที่ (21 พ.ย.2563) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนและสะกดรอยติดตามจนพบว่าเครือข่ายกลุ่มนี้ได้เช่าห้องพัก ภายในพื้นที่ ต.หางน้ำสาคร อ.นโนรมย์ จ.ชัยนาท เพื่อรอส่งมอบยาเสพติดให้กับกลุ่มเครือข่ายที่จะมารับยาเสพติด นำไปส่งให้กับลูกค้า เจ้าหน้าที่ดำรวจจึงได้แสดงตัวขอตรวจค้นจับกุม

ผลการตรวจค้นพบยาเสพติด จำนวน 4,800,000 เม็ด พร้อมของกลางรายการอื่นๆ ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด โดยเฉพาะพระครูสุเมธฯ ให้การรับสารภาพว่า ทราบว่าเคยทำแบบนี้มาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งก่อนหน้านี้คือเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม

หากประชาชนท่านใด พบเห็น หรือมีเบาะแส เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการ จำหน่ายยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย ผ่านทางโซเชียลมีเดีย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับ การสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือโทรศัพท์สายด่วน 191

ที่มา : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ