ต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจไอทีโลก ใครได้-ใครเสีย บนสมรภูมิการค้าสหรัฐฯ-จีน หลังสหรัฐฯ เปิดศึกคว่ำบาตร ‘หัวเว่ย’
ผู้คนทั่วโลกกำลังจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะแนวรบในธุรกิจไอทีที่กำลังดุเดือด จากกรณีที่สหรัฐฯ ห้ามบริษัท “หัวเว่ย” ซื้อขายอุปกรณ์สื่อสารและเทคโนโลยีกับบริษัทอเมริกัน โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนตึงเครียดขึ้น อีกทั้งยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ไม่เฉพาะแบรนด์จีนเท่านั้นแต่แบรนด์อเมริกันเองก็อาจถูกกระทบชิ่งอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้ ขณะเดียวกันมีผู้เล่นบางรายที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้
สำนักข่าวเอพี ระบุว่า หลัง “กูเกิล” ประกาศระงับการทำธุรกิจบางส่วนกับ “หัวเว่ย” เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดของทางการสหรัฐฯ อาจทำให้หัวเว่ยสูญเสียตำแหน่งบริษัทมือถือรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ในแง่ปริมาณ
เพราะผู้บริโภคอาจไม่ซื้อสมาร์ทโฟนหัวเว่ย และหันไปหาแบรนด์อื่นแทน หากหัวเว่ยยังต้องพึ่งพาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล ซึ่งจะถูกจำกัดการเข้าถึงบริการในอนาคต
แต่กูเกิลก็อาจเผชิญภาวะขว้างงูไม่พ้นคอ เพราะต้องสูญเสียรายได้ค่าลิขสิทธิ์ใช้งานที่เคยได้จากหัวเว่ย และขาดโอกาสโฆษณาบนมือถือของหัวเว่ย ซึ่งก็อาจทำให้เป้าหมายรายได้ในปีนี้สะดุด
นอกจากนี้การคว่ำบาตรยังจะกระทบถึงบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นของสหรัฐฯ โดยเฉพาะไมครอน เทคโนโลยีส์, ควอลคอมม์, คอร์โว และสกายเวิร์ก โซลูชั่นส์ เนื่องจากหัวเว่ยเป็นผู้ซื้อชิปประมวลผลรายใหญ่สำหรับใช้ในสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครือข่ายอินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์ไฮเทคอื่นๆ
ส่วน “แอปเปิล” ในทางทฤษฎีน่าจะได้ประโยชน์จากการขยับแซงหัวเว่ยขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ในตลาดมือถือโลกแทน แต่แอปเปิลเองก็เสี่ยงบาดเจ็บเช่นกัน หากทางการจีนตอบโต้กลับ เพราะชิ้นส่วนไอโฟนถูกประกอบในจีน
ขณะที่เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ CNBC อ้างความเห็นนายแดเนียล ยู หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และวิจัยบริษัทคิวูม ซิเคียวริตี้ส์ ว่า ในระยะสั้นความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะกลายเป็นผลดีต่อแบรนด์เกาหลีใต้อย่าง “ซัมซุง” ที่ครองตำแหน่งบริษัทมือถืออันดับ 1 รวมถึงแบรนด์จีนรายเล็กอย่าง “วีโว” และ “ออปโป้”