ก่อการร้าย

ฝรั่งเศสยกระดับก่อการร้ายขั้นสูงสุด

ฝรั่งเศส แจ้งเตือนภัยระดับสูงสุด หลังเกิดเหตุผู้ก่อการร้ายใช้มีดสังหารประชาชน 3 ราย วานนี้

Home / NEWS / ฝรั่งเศสยกระดับก่อการร้ายขั้นสูงสุด

ประเด็นน่าสนใจ

  • ฝรั่งเศส แจ้งเตือนภัยระดับสูงสุด หลังเกิดเหตุผู้ก่อการร้ายใช้มีดสังหารประชาชน 3 ราย วานนี้
  • นานาชาติ ออกแถลงการแสดงความเสียใจ – ประนามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
  • ทางการฝรั่งเศสเสริมกองกำลังทหารดูแลความเรียบร้อยในจุดสำคัญเพิ่มเท่าตัว

จากเหตุการณ์ที่มีผู้ก่อเหตุใช้มีดบุกเข้าไปทำร้ายประชาชนในโบสถ์นอเทรอดามในเมืองนีซ ฝรั่งเศส เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (ตามเวลาในประเทศไทย) จนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดย 2 รายเป็นการเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และอีก 1 รายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ยังบาดเจ็บอีกหลายราย โดยนายกเทศมนตรีของเมืองระบุว่า เป็นการก่อการร้ายที่มีความเชื่อมโยงกับเหตุก่อนหน้านี้

ชนวนเหตุ

ซึ่งในเหตุการณ์นั้น ครูชาวฝรั่งศสรายหนึ่งได้นำการ์ตูนเสียดสีพระศาสดาโมฮัมหมัด มาใช้เป็นสื่อการสอนในเรื่องที่เกี่ยวข้อง จึงสร้างความไม่พอใจ และนำไปสู่การก่อเหตุสังหารครูคนดังกล่าว เมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ก็ได้ออกมาแสดงออกถึงเหตุในครั้งนั้นด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว โดยระบุว่า เหตุการณ์ที่พลเมืองถูกสังหาร เพียงเพราะเขาสอนนักเรียนเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออก เป็นเหยื่อของผู้ก่อการร้าย และฝรั่งเศสจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก

ซึ่งท่าทีและถ้อยแถลงของผู้นำฝรั่งเศสกล่าวถึงศาสนาอิสลามอย่างรุนแรง ทำให้นำไปสู่การต่อต้านจากหลาย ๆ ฝ่าย รวมถึงชาติอิสลามอีกด้วย นำไปสู่แฮชแท็ก #BoycottFrenchProducts ขึ้น

ลุกลาม

หลังจากเกิดกระแสของการแบนสินค้าฝรั่งเศส ทำให้หลายประเทศในกลุ่มชาติอิสลามได้เริ่มการนำสินค้าของฝรั่งเศสออกจากชั้นวาง รวมถึงมีการประท้วงตอบโต้

พนักงานนำสินค้าฝรั่งเศสออกจากชั้นวางสินค้าในห้างในคูเวต

ในขณะที่มหาวิทยาลัยกาตาร์ ประกาศเลื่อนกิจกรรม French Cultural Week ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

นอกจากนี้ ผู้นำ-ผู้เกี่ยวข้องในหลาย ๆ ประเทศต่างออกมาเรียกร้องและกล่าวตอบโต้คำพูดของปธน. ฝรั่งเศส

ทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสกับกลุ่มชาติอิสลามถึงจุดที่ตึงเครียดมากขึ้น เช่น ปธน.ของตุรกี ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้นาย มาครง โดยตั้งคำถามว่า นายมาครงมีปัญหาอะไรกับศาสนาอิสลาม

ซึ่งจากการแถลงดังกล่าวของตุรกี ทำให้ปธน. มาครงของฝรั่งเศสเรียกเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำตุรกีกลับ และมีการตั้งข้อสังเกตไปยัง ปธน.ตุรกีว่า ไม่ได้แสดงออกถึงความเสียใจจากเหตุการณ์สังหารที่เกิดขึ้นเลย

เหตุสังหารครั้งใหม่

ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างฝรั่งเศส – ชาติอิสลาม และชาวมุสลิมที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็นำไปสู่การก่อเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) จนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ก่อเหตุได้ 1 ราย โดยผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ มีรายงานในภายหลังว่า นายBrahim Aouissaoui เป็นชาวตูนิเซีย มีประวัติเกี่ยวข้องกับ กองกำลังในตูนิเซีย ที่เพิ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ายุโรปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน และเข้าฝรั่งเศสผ่านทางอิตาลีผ่านทางเรือ (เข้ากักตัวที่อิตาลี) เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้นานาชาติ รวมถึงชาติอิสลามด้วย ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเมืองนิซ ไม่ว่าจะเป็น ซาอุฯ ซึ่งได้ออกแถลงการผ่านกระทรวงการต่างประเทศ, นาย Boris Johnson นายกฯ ของอังกฤษ , นาย Giuseppe Conte ปธน. อิตาลี, นาย Javad Zarif รมต. กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน ตลอดจน ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย

ความกังวล-ระแวง ลุกลาม

หลังจากเกิดเหตุครั้งล่าสุด เพียงราว 2 ชม. ก็ได้มีเหตุการณ์ที่อีกเมือง Avignon เมื่อมีผู้ถือปืนพก ออกมาข่มขู่ประชาชน พร้อมตะโกนคำสรรเสริญพระเจ้า คล้ายกับผู้ก่อเหตุที่เมืองนิซ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจยิงชายคนดังกล่าวเนื่องจากไม่ยอมวางอาวุธตามที่เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือน และทำให้ชายคนดังกล่าวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ความตึงเครียดระหว่างฝรั่งเศส-ชาวมุสลิมยิ่งตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

โดยในเวลาต่อมา นายมาครง ปธน.ฝรั่งเศสได้แถลงถึงเหตุที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายอิสลาม ที่กำลังพยายามก่อเหตุในฝรั่งเศสในขณะนี้ ซึ่งฝรั่งเศสจะไม่ยอม และนอกจากนี้ นายมาครงยังได้ประกาศให้มีการเสริมกำลังทหาร เข้ามาดูแลความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีก กว่าเท่าตัว

ในขณะเดียวกัน ทางการฝรั่งเศสก็ได้ประกาศแจ้งยกระดับการเตือนภัยความมั่นคงในระดับสูงสุดอีกด้วย