ประเด็นน่าสนใจ
- นายกรัฐมนตรี เผย ทางออกของประเทศมีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ และขอให้เชื่อมั่น
- พร้อมยังเห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาเพื่อศึกษาหาทางออกจากแนวทางที่เสนอมากันในสภา
- ฝากไปยังองค์กรต่างๆที่อยู่ในประเทศไทยทั้งหมด เมื่ออยู่ในไทยก็ควรช่วยกันบริหารบ้านเมือง และเคารพกฎหมาย
วันนี้ ( 28 ต.ค. 63 ) ที่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยได้ถามผู้สื่อข่าวว่า ได้ติดตามการประชุมอภิปรายในสภาเมื่อวานนี้หรือไม่ ถ้าติดตามแล้ว ก็ไม่ต้องถามอะไรมากเพราะพูดไปแล้ว จะได้ไม่ต้องเหนื่อยจนเกินไป
พร้อมระบุว่า ตนเองไม่เหนื่อยและก็ไม่เคยเหนื่อยอยู่แล้ว และกล่าวต่อว่าตนเอง เคยพูดไปแล้วหลายครั้ง ว่า ต้องจำเป็นต้องพาประเทศผ่านวิกฤตไปให้ได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งปัญหาในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากนายกรัฐมนตรีและฝ่ายการเมืองเพียงอย่างเดียว ทุกคนต้องร่วมมือกัน และหันหน้าพูดคุยกัน อย่างประนีประนอม อย่างฟังอย่างสันติวิธี จึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะที่นี่คือประเทศไทย และทุกคนเป็นคนไทย ตนเองไม่ได้เกลียดชังใครทั้งสิ้น ไม่ว่าใครจะว่าร้ายอะไรก็ตาม ตนเองฟังได้ และก็ต้องอดทน เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี โมโหอะไรมากไม่ได้ ต้องอดทน ไม่โกรธง่าย พูดจาให้ไพเราะ ซึ่งตนเองก็พูดเพราะกว่าหลายๆคนที่ได้ยินมา
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ทางออกของประเทศมีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ และขอให้เชื่อมั่นว่า จะเลือกหนทางที่ดี่ที่สุดให้แก่ประเทศ ไม่ใช่ตนเองคนเดียว แต่ทุกคนต้องร่วมมือกัน พร้อมกล่าวขอบคุณประธานรัฐสภาและสมาชิกทุกคนที่ทำให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย แม้จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นบ้าง อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงขอให้ประชาชนพิจารณาถึงความเหมาะสม โดยตลอด 2 วัน ตนเองได้ข้อสรุปหลายเรื่องและเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่มีหลายกระบวนการ อยู่ดีๆจะมีการตั้งกฎกติกาใหม่ตามกรอบเวลาที่กำหนดเป็นไปไม่ได้ เพราะเราต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ
ส่วนจะให้อำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ตนเองไม่ได้ให้ความสำคัญในตรงนี้ ถ้าจะไม่เลือกตนเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ซึ่งให้เป็นหน้าที่ของสภาเป็นผู้พิจารณา
นอกจากนี้ ยังเห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อศึกษาหาทางออกจากแนวทางที่เสนอ มากันในสภา โดยให้สภาเป็นผู้ตั้งที่ประกอบด้วยจากหลายฝ่าย ทั้ง ส.ส. ส.ว. กลุ่มผู้ชุมนุมที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และขอให้เกียรติสภาในกรณีที่มีการตั้งคำถามว่าคณะกรรมการชุดนี้จะถูกครอบงำหรือไม่ เพราะหากมีการตั้งธงไว้ ก็จะไม่เชื่อใจกันทั้งหมด ดังนั้น ขอลองให้เชื่อใจกันบ้าง
ขณะที่ท่าทีของต่างประเทศ นั้น ไม่ไปเกี่ยวข้องกับตนเอง และไม่ขอแสดงความคิดเห็น ซึ่งต่างประเทศก็มีกฎหมายของตัวเอง ส่วนประเทศไทยก็ต้องดูว่าแต่ละกิจกรรมมีอะไรแอบแฝง และต้องพูดคุยหารือกันเพื่อไม่ให้มีนัยยะแอบแฝง ตามวัตถุประสงค์ของแต่ละกลุ่ม เพราะบางครั้งการที่มีหน่วยงานหรือบุคคลภายนอก เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อต้าน คนในพื้นที่ก็ได้รับความเสียหาย พร้อมขอฝากไปยังองค์กรต่างๆที่อยู่ในประเทศไทยทั้งหมด เมื่อมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ทำงานอยู่ในประเทศไทย ก็ต้องช่วยประเทศไทยในการบริหารชาติบ้านเมือง และเคารพกฎหมาย
ส่วนจะอยู่จนครบวาระ 4 ปีโดยไม่รับข้อเสนอจากกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทำไมตนเองต้องตอบ ขอให้ดูว่าตนเองเข้ามาด้วยอะไร และต้องออกเพราะอะไร ซึ่งไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต เพราะรัฐบาลไม่ได้หยุดเพียงแค่รัฐบาลของตนเองกระบวนการเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญต่างๆมีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามนายกรัฐมนตรีว่าสบายใจขึ้นหรือไม่หลังได้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญพิจารณาการอภิปรายทั่วไป 2 วันที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว เพียงหันมามองหน้าผู้สื่อข่าวและเดินออกจากห้องแถลงข่าวทันที