บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ ทิศทางตลาดการเงิน 27 พ.ค. – 31 พ.ค. 62

บล.เอเซีย รายงานว่า ทิศทางตลาดการเงินในสัปดาห์นี้ยังน่าจะถูกปกคลุมด้วยประเด็นความกังวลเรื่องสงครามการค้า ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์ผลสรุปรวมถึงกรอบเวลาที่ชัดเจนได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลางเข้ามาเป็นแรงกดดันเพิ่มภาวะดังกล่าวประกอบกับสัญญาณเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่กลับมาอยู่ในช่วงทรงตัว หรือปรับลดลง ทำให้การเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนยังคงเป็นการไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง เข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยเฉพาะอย่างยิ่งพันธบัตร ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวฝ่ายวิจัยจึงยังให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้รวม 35% แยกเป็น Money Market 15% และตราสารหนี้อื่นๆ…

Home / NEWS / บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ ทิศทางตลาดการเงิน 27 พ.ค. – 31 พ.ค. 62

บล.เอเซีย รายงานว่า ทิศทางตลาดการเงินในสัปดาห์นี้ยังน่าจะถูกปกคลุมด้วยประเด็นความกังวลเรื่องสงครามการค้า ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์ผลสรุปรวมถึงกรอบเวลาที่ชัดเจนได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลางเข้ามาเป็นแรงกดดันเพิ่มภาวะดังกล่าวประกอบกับสัญญาณเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่กลับมาอยู่ในช่วงทรงตัว หรือปรับลดลง ทำให้การเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนยังคงเป็นการไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง เข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยเฉพาะอย่างยิ่งพันธบัตร

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวฝ่ายวิจัยจึงยังให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้รวม 35% แยกเป็น Money Market 15% และตราสารหนี้อื่นๆ 20% ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยประเด็นที่อยู่ในความสนใจอยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาลซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนเรื่องนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ ขณะที่ Valuation อยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจจึงคงน้ำหนักการลงทุนในพอร์ตหุ้นไทยไว้ที่ 40% เน้นหุ้น Domestic Play ที่สามารถจ่ายเงินปันผลได้

สำหรับหุ้นต่างประเทศยังมีโอกาสที่จะผันผวนอยู่ได้มาก แต่น้ำหนักการลงทุนที่จัดสรรไว้ 15% ยังถือว่ามีความเหมาะสม โดยตัวเลือกที่ปลอดภัยอาจเป็นกอง REIT หรือ กองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถชนะตลาดได้

ส่วนการลงทุนในตราสารทางเลือกอื่นๆ เลือกเป็น FCN ด้วยน้ำหนัก 10% โดยการเลือกหุ้นจะเน้นหุ้นที่พื้นฐานแกร่งผันผวนไม่มากอย่างน้อย 2 บริษัท และเสริมด้วยหุ้นที่มีความผันผวนสูงแต่ราคาหุ้นได้ปรับลดลงมากแล้ว