กกต.ร่อนเอกสารชี้แจง กรณีดำเนินคดีหมิ่นฯ โบว์ อยากเลือกตั้ง
วันที่ 5 เม.ย.2562 ศูนย์ปฏิบัติการด้านการข่าว สำนักงาน กกต.ได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีมีข่าวระบุว่า กกต.ฟ้องหมิ่นประมาทสื่อมวลชนและทำตัวเป็นมาเฟียนั้น โดยสำนักงาน กกต.ชี้แจงว่า การดำเนินคดีหมิ่นประมาทตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นเป็นการใช้สิทธิทางกฎหมาย เมื่อ กกต.เห็นว่าข้อความตามที่โพสต์เป็นความเท็จ ทำให้ กกต.เกิดความเสียหาย ทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง สำนักงาน กกต.ได้รับความเสียหาย กกต.มิได้เจาะจงที่จะดำเนินคดีต่อผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ เป็นอำนาจในการใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อผู้กระทำความผิดต่อไป
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวเรื่องการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร มีความผิดปกติ มีการนำบัตรเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งอื่นมานับ ณ เขตเลือกตั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร และพรรคเพื่อไทยเห็นว่ามีผลทำให้การนับคะแนนของเขตเลือกตั้งดังกล่าวและเขตเลือกตั้งอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม
ในโอกาสนี้สำนักงานกกต. ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่าสำนักงานกกต.ได้รับเรื่องร้องคัดค้านของพรรคเพื่อไทยในประเด็นดังกล่าวไว้เพื่อดำเนินการตามระเบียบกกตว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนและวินิจฉัยแล้ว เมื่อวันที่ 28 มี.ค ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนไต่สวนไว้การพิจารณาดำเนินการตามระเบียบแล้ว โดยจะดำเนินการเร่งรัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
รู้จักความผิดฐานหมิ่นประมาท
ในประมวลกฏหมายอาญา ซึ่งระบุถึงประเด็นเรื่องการหมิ่นประมาทอยู่ด้วยกันคือ
มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา 393 ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่ง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตามมาตรา 326 ได้ระบุไว้ถึงการใส่ความ “ผู้อื่น” ซึ่งในประเด็นนี้จำเป็นที่จะต้องระบุให้รู้ได้ว่า ผู้อื่นที่เอ่ยถึงนั้นเป็นใคร หากไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร ก็ไม่เข้าข่ายความผิดในมาตรานี้
และคำว่า “ใส่ความ” นั้นเปิดกว้างไว้ อาจจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องที่เราได้เอ่ยหรือใส่ความใคร ไม่ว่าเรื่องนั้นจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม มีความผิดในประเด็นนี้ทั้งสิ้น รวมทั้งกฏหมายมิได้ระบุลักษณะของวิธีการใส่ความอีกด้วย นั่นหมายความว่า ไม่ว่าเราจะใช้คำพูด เขียน บอกใบ้ต่างๆ ถือเป็นการใส่ความ และมีความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ทั้งหมด