ถอดยศ ถอดยศตำรวจ ราชกิจจานุเบกษา

โปรดเกล้าฯ ถอดยศตำรวจ 10 ราย กระทำผิดวินัยร้ายแรง

เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

Home / NEWS / โปรดเกล้าฯ ถอดยศตำรวจ 10 ราย กระทำผิดวินัยร้ายแรง

ประเด็นน่าสนใจ

  • เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
  • ถอดยศอดีตข้าราชการตำรวจ ออกจากยศตำรวจ ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547
  • อดีตข้าราชการตำรวจทั้ง 10 รายดังกล่าว เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว

วานนี้ (30 ก.พ.) เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ความว่า

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศอดีตข้าราชการตำรวจ ออกจากยศตำรวจ ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ. 2547 ข้อ 1 (2) (4) และ (6)

และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา ตามข้อ 6 ข้อ 7 (2) (4) และ (8) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 จำนวน 10 ราย ดังนี้

  1. ร้อยตำรวจโท วันชนะ ผลพลังกุล ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีกระทำผิดอาญาฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนและร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
  2. พันตำรวจโท สมเกียรติ ทองสอาด ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับผลประโยชน์อันมิควรได้และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
  3. ร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักย์ศิริ ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด เนื่องจากกระทำความผิดอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และเครื่องราชอิสริยาภรณ์รามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ
  4. ร้อยตำรวจโท สุชาติ สุดบุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยมีพฤติกรรมหรือพฤติการณ์เป็นข้าราชการจำหน่ายและมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทยและเหรียญจักรมาลา
  5. พันตำรวจเอก สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2558 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยกระทำผิดอาญาฐานร่วมกันลักทรัพย์ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา
  6. พันตำรวจโท ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นวันที่ศาลออกหมายจับ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฐานร่วมกันดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
  7. พันตำรวจเอก ไพโรจน์ โรจนขจร ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นวันที่ศาลออกหมายจับ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
  8. พันตำรวจโท จีรวัฏฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นวันที่ศาลออกหมายจับ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุอันสมควรและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
  9. พันตำรวจโท ธนบัตร ประเสริฐวิทย์ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ กระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
  10. พันตำรวจเอก เอกนรินทร์ ภุมม์สิมมานนท์ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด เนื่องจากกระทำผิดอาญาฐานลักทรัพย์และทำร้ายร่างกายและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญราชการชายแดน

ทั้งนี้ อดีตข้าราชการตำรวจทั้ง 10 รายดังกล่าว เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว

ประกาศ ณ วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ที่มา : ราชกิจจานุเบกษา