ร้านข้าวต้มอดีตนายพล รุกล้ำพื้นที่ โครงการหลักสี่ สแควร์

ร้อง ‘สิระ’ คดีไม่คืบ กรณีร้านข้าวต้มอดีตนายพลรุกล้ำพื้นที่

ตัวแทนประชาชน และเจ้าของร่วมโครงการหลักสี่ สแควร์ ร้องเรียน ร้านข้าวต้มชื่อดังในโครงการ ก่อสร้างอาคารรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ

Home / NEWS / ร้อง ‘สิระ’ คดีไม่คืบ กรณีร้านข้าวต้มอดีตนายพลรุกล้ำพื้นที่

ประเด็นน่าสนใจ

  • ตัวแทนประชาชน และเจ้าของร่วมโครงการหลักสี่ สแควร์ ร้องเรียน ร้านข้าวต้มชื่อดังในโครงการ ก่อสร้างอาคารรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ
  • สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่สัญจรผ่านไปมา
  • โดยมาร้องต่อ ‘สิระ’ ให้ช่วยติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว

วันนี้ (9 ก.ย.63) ตัวแทนประชาชน และเจ้าของร่วมโครงการหลักสี่ สแควร์ ที่ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน ร้านข้าวต้มชื่อดังในโครงการหลักสี่สแควร์ เนื่องจากทำการก่อสร้างอาคารรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่สัญจรผ่านไปมาบริเวณบาทวิถี และสะพานลอยบริเวณนั้น

รวมไปถึงผู้ประกอบการต่างๆก็ได้รับผลกระทบเพราะส่วนต่อเติมอาคารมาบดบังหน้าร้าน และรุกล้ำการใช้สอยประโยชน์จากพื้นที่ส่วนกลาง ประกอบกับทางเจ้าของร้านเป็นถึงนายทหารระดับนายพลที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ทั้งนี้เคยยื่นร้องเรียนตั้งแต่ได้เข้าแจ้งความตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่คดีไม่มีความคืบหน้า จึงได้เข้ามาร้องเรียนต่อนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย ให้ช่วยติดตามตรวจสอบความคืบหน้าของคดีนี้

โดยภายหลังตัวแทนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้ยื่นหนังสือต่อนายสิระ เรียบร้อยแล้ว จึงได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับ พ.ต.อ. อรรถพล มีเสียง ผกก.บางเขน พร้อมคณะ และพบว่าร้านข้าวต้มดังกล่าวมีการต่อเติมตัวอาคารรุกล้ำเข้ามายังพื้นที่ส่วนกลางจริง อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ทางเดิน และทางจอดรถยนต์ รวมไปถึงพื้นที่สาธารณะบริเวณทางเท้า ทางขึ้นสะพานลอย กีดขวางการสัญจรไป-มาของประชาชน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

ทั้งนี้ พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง ผกก.บางเขน กล่าวว่า ตอนนี้สำนักงานเขตบางเขน ได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของร้านข้าวต้มดังกล่าวแล้วในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานฯ เหตุจากไม่รื้อถอนอาคารตามคำสั่งของเขตที่อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ซึ่งเจ้าของร้านยินยอมรื้อถอนตามคำสั่งภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา โดยคดีนี้มีการกระทำความผิดตั้งแต่ปี 2558 จึงต้องดำเนินการปรับเงินไม่เกินวันละ 1 หมื่นบาท นับตั้งแต่วันที่เริ่มการกระทำผิดอีกด้วย