สรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019
📍 สถานการณ์ในไทย
- เพิ่ม ผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 7 ราย
▪️ กลุ่มที่ไปสังสรรค์ในผับ
รายที่ 1 ผู้ป่วยยืนยัน (รายที่ 76) หญิงไทย อายุ 63 ปี เป็นมารดา ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ป่วยยืนยัน (รายที่ 57)
▪️ กลุ่มใหม่ในครอบครัว
รายที่ 2 ผู้ป่วยยืนยัน (รายที่ 77) หญิงไทย #มารดา อายุ 57 ปี มีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น วันที่ 2 มี.ค. 2563 เริ่มมีอาการป่วยไข้ ไอ ในวันที่่ 4 มี.ค. 2563 และได้แพร่เชื้อคนในครอบครัว คือ
- รายที่ 3 เป็น #ลูกสาว ผู้ป่วยยืนยัน (รายที่ 78) อายุ 30 ปี อาชีพพนักงานบริษัท ให้ประวัติเพื่อนมาจากเกาหลีใต้ (วันที่ 2 มีนาคม 2563) และมารดามาจากญี่ปุ่น และเริ่มป่วยวันที่ 9 มี.ค. 2563
- รายที่ 4 เป็น #ลูกเขยญี่ปุ่น ผู้ป่วยยืนยัน (รายที่ 79) อายุ 33 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เริ่มป่วย วันที่ 9 มี.ค. 2563
- รายที่ 5 เป็น #หลานสาว ผู้ป่วยยืนยัน (รายที่ 80) อายุ 4 ขวบ เริ่มป่วย วันที่ 9 มี.ค. 2563
▪️ รายที่ 6 ผู้ป่วยยืนยัน (รายที่ 81) หญิงนักเรียน อายุ 20 ปี
มีประวัติกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 24 ก.พ. 2563
เริ่มป่วย วันที่ 27 ก.พ. 2563 ด้วยไข้ ไอ และรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านแต่อาการไม่ดีขึ้น
วันที่ 11 มี.ค. 2563 จึงได้มารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งและผลการตรวจเป็น “บวก”
▪️ รายที่ 7 ผู้ป่วยยืนยัน (รายที่ 82) ชายไทย อายุ 41 ปี อาชีพนักแสดง พิธีกร ธุรกิจค่ายมวย
เริ่มป่วย วันที่ 11 มี.ค. 2563 ไข้ ไอ ปวดเมื่อย
มีประวัติว่าเพื่อนเดินทางมาจากต่างประเทศ ตอนนี้ผู้ป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี
“เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง”
📍 จากที่ได้ติดตามผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูงจาก
(ผู้ป่วยกลุ่มก้อนเหล่านี้)
- ตอนนี้มีผู้เข้าในเกณฑ์สอบสวนโรค 36 ราย (รอผลยืนยัน)
- ติดตามผู้ที่อยู่ใกล้ชิดอีก 100 กว่าราย
- รวมผู้ป่วยหายกลับบ้าน 35 ราย
- รวมผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 46 ราย
- รวมผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย
- ผู้ป่วยสะสม 82 ราย
- ประเทศไทยอยู่ที่ 45 ของโลก
📍 จากบทเรียนที่เราได้ คือ
- มีประวัติเดินทางมาจากต่างประเทศ
- ทำงานใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ
- พื้นที่ใน กทม. ในที่เจริญแถวฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เป็นส่วนใหญ่
- ไม่เฝ้าระวังตัวเอง ร่วมกิจกรรมสังสรรค์
“อยากให้ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด กักตัวเอง 14 วัน แยกของใช้ส่วนตัว งดกิจกรรมทางสังคม งดไปพื้นที่ชุมชนคนหนาแน่น ขอให้รับผิดชอบทางสังคม”
“ย้ำว่า ถ้ามีไข้ ไอ น้ำมูก รีบไปพบแพทย์ด่วน พร้อมแจ้งประวัติ”
📍 ปัจจุบัน! โรคนี้เป็นที่ติดต่ออันตราย แพทย์ฉุกเฉินประกาศแล้วว่า “เป็นโรคฉุกเฉิน”
- ท่านสามารถรักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้
“โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชน”
(กลุ่มเสี่ยงเข้าข่ายติดเชื้อ)
📍 ผู้มีความเสี่ยงสูง
- คนในครอบครัว
- ผู้สัมผัส”ใกล้ชิด”
- พูดคุยกับผู้ป่วยในระยะไม่เกิน 1 เมตร คุยกันนานเกิน 5 นาที
- ไอ จาม ใส่หน้า โดยไม่ป้องกันตัวเอง
- อยู่ในสถานที่ปิดไม่มีอากาศถ่ายเท เช่น รถปรับอากาศ ห้องปรับอากาศ อยู่เกิน 15 นาที
📍 ผู้สัมผัสอื่นๆ (ผู้มีความเสี่ยงต่ำ)
- ให้สังเกตตัวเอง 14 วัน แยกของใช้ งดกิจกรรมทางสังคม
- หากป่วยให้พบแพทย์ทันที
- ถ้าไม่มีอาการจะตรวจพบเชื้อได้น้อย
📍 คัดกรองผ่านด่าน เพิ่มขึ้น 240,000 กว่าคน
- ท่าอากาศยาน 150,000 คน
- ด่านพรมแดน 80,000 กว่าคน
🤵 เพิ่มเติมข้อมูล! ผู้ป่วยยืนยัน (รายที่ 82) ดารา พิธีกร เจ้าของค่ายมวย
- ถือเป็นเคสที่ดี ช่วยให้ Close contact (ผู้สัมผัสใกล้ชิด) ต่างๆ ได้ระมัดระวังตัว
- ขอขอบคุณที่ช่วยกันแจ้งข้อมูล
- กรณีทางโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยกลับบ้าน
- สธ. จะดำเนินการตรวจสอบกระบวนการของโรงพยาบาลแห่งนั้นต่อไป
- ขั้นตอน ปรกติหากพบกลุ่มเสี่ยง ตรวจพบเชื้อโรงพยาบาลจะต้องรับตัวไว้ ให้กลับบ้านไม่ได้ เพราะเป็นขั้นตอนตามคำสั่งของสธ. และรายงานให้ สธ.ภายใน 3 ชม.
- รวบรวมรายชื่อผู้สัมผัสใกล้ชิด บางรายเข้ารับการตรวจแล้ว
- เริ่มป่วย 11 มี.ค. 2563 โรคนี้มีระยะฟักตัว 5-7 วัน ใครที่สัมผัสช่วงนี้ให้สังเกตอาการก่อน
- ยกเว้นคนที่มีไข้ มีอาการทางเดินหายใจ พบแพทย์ทันที
- กรณีที่ไม่แน่ใจว่าติดหรือไม่ แนะนำให้แยกตัวเอง แยกของใช้ตัวเอง
- จากผลตรวจส่วนใหญ่ที่มาตรวจยังไม่พบเชื้อ
- สมมุติว่ามีอาการป่วย วันที่ 11-12 วันนั้น คือ วันที่เริ่มแพร่เชื้อ ส่วนวันที่ 13 ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้ว
- ใครที่สัมผัสก่อนวันที่ 11 ค่อนข้างปลอดภัย
- กว่าจะเริ่มป่วยก็ใช้เวลา 5 วัน (หลังจากสัมผัส)
- ตรวจตอนนี้ถึงผลออกมาเป็น “ลบ” ยังมีโอกาสติดเชื้อได้ เพราะระยะเวลาต้องตามต่ออีก 14 วัน
📍 กรณีข่าวการพบ/สื่อรายงานในจุดต่างๆ
- ตอนนี้มีเคสรอผลอยู่อีก 30 กว่าราย
- ซึ่งยังคงใช้การยืนยันมาตรฐานความถูกต้องคือ ต้อง 2 แล็บตรงกันขึ้น
- ย้ำ ขอให้คนที่กลับจากต่างประเทศต้องกักตัว คนรอบข้างต้องแนะนำกัน
📍 กรณีการตรวจหาผู้ติดเชื้อ
- ตอนนี้ทางเราตรวจเยอะมาก
- เมื่อวานนี้ตรวจคนไข้หวัดใหญ่ 2000 ราย
- ตรวจใน รพ.เอกชนอีกว่า 4000 ราย
- ซึ่งมีการทดลองใช้ชุดตรวจแบบรวดเร็ว คาดว่า อีก 1-2 อาทิตย์จะให้ได้ทุกโรงพยาบาล
📍 กรณีไทยตรวจน้อย
- เพราะมีการรายงานอ้างว่า ไทยนำยอดไปรวมกับปอดอักเสบ ซึ่งจริงๆ แล้ว ต้นทางอ้างอิงลิ้ง https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/
- ข้อเท็จจริง เว็บ Viral Pneumonia (ปอดอักเสบ) นี้ สธ.ใช้ตั้งแต่ก่อนที่โรคนี้มีชื่อ จึงตั้งตามอาการไว้ที่เกิดโรค ปัจจุบันใช้รายงานเคส Covid-19