สรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019
📍 สถานการณ์ในประเทศไทย
- เพิ่ม ผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 35 ราย
(แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่)
🔸 กลุ่มที่ 1 จำนวน 29 ราย
- สนามมวย 13 ราย เป็นผู้ชมในส่วนของ
กรุงเทพฯ (ส่วนใหญ่), ขอนแก่น, สมุทรปราการ, เชียงใหม่, สุโขทัย, นครราชสีมา, กาฬสินธุ์, ร้อยเอ็ด - สถานบันเทิงย่านทองหล่อ 4 ราย
- ผู้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 12 ราย มาจากกลุ่มสังสรรค์ กลุ่มสนามมวย กลุ่มเพื่อนร่วมงาน
🔸 กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 6 ราย
- ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ 1 ราย (มาจากกัมพูชา)
- ผู้ทำงานใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ 4 ราย พนักงานต้อนรับ บริกร นิติบุคคลของคอนโด
- รอการสอบสวนโรคเพิ่มเติม 1 ราย
▪️ เพิ่มเติม ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก 2 ราย จากสุราษฎร์ธานี และเพชรบูรณ์
- รายที่ 1 เป็นชายไทย อายุ 49 ปี เริ่มป่วยวันที่ 8 มี.ค. 2563 อาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่น ต่อมาตรวจพบว่าปอดอักเสบ การทำงานของไตผิดปกติ ขณะนี้อยู่ที่หอผู้ป่วยวิกฤต
ที่้โรงพยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ในสภาวะใส่ท่อช่วยหายใจ วันนี้เตรียมล้างไต และได้รับยาต้านไวรัสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว - รายที่ 2 เป็นชายชาวเบลเยี่ยม อายุ 67 ปี เดินทางมาจากประเทศเบลเยี่ยม ตรวจพบปอดอักเสบ และมีภาวะวิกฤตระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ที่เรียกว่า ARDS (Acute Respiratory Distress Syndrome)
ใส่ท่อช่วยหายใจ ได้รับยาต้านไวรัสเป็นที่เรียบร้อย ปัจจุบันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาาบาลในจังหวัดเพชรบูรณ์ - ส่วนอีก 1 ราย เป็นรายเก่า ที่รักษาตัวสถาบันบำราศนราดูร ยังเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอยู่ในความดูแลของแพทย์
- เพิ่ม ผู้ป่วยหายกลับบ้าน 1 ราย
- รวมผู้ป่วยหายกลับบ้าน 42 ราย
- รวมผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 169 ราย และอาการหนัก 3 ราย
- รวมผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย
- ผู้ป่วยสะสม 212 ราย
📍 กรณีผู้ป่วยทั้งหมด 212 ราย
- 70% เป็นคนไทย
- เกือบ 30% เป็นคนจีน
- ที่เหลือก็เป็นชาติอื่นๆ ซึ่งในรายละเอียดเคส ทางสธ.จะนัดแถลงเกี่ยวกับทุกๆ เคสอีกครั้งหนึ่ง
📍 อัปเดต! กลุ่มที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี
กักกันเฝ้าระวังที่ฐานทัพเรือ สัตหีบ
- จำนวน 83 คน
- มี 6 คน ที่รับตัวไว้ในโรงพยาบาล
- ทั้งหมดไม่มีไข้
- ผลการตรวจทุกคนไม่พบเชื้อ
- ทุกคนยังต้องเฝ้าระวังสังเกตอาการจนครบ 14 วัน
📍 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากการ “คัดกรองควบคุมกลุ่มคน” และสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาด สอดคล้องกับการรายงานสอบสวนโรคที่พบว่า
- “ผู้ป่วยรายใหม่ส่วนใหญ่” เป็น หนุ่ม-สาว วัยทำงาน
- ให้ประวัติเดินทางออกไปนอกประเทศไปยังพื้นที่เสี่ยง
- ไปยังสถานที่ที่คนแออัด
- ไปมีกิจกรรมสังสรรค์
- หลายคนไม่งดกิจกรรมทางสังคม
- ไม่เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล
- ไม่ยอม กักกันตนเองอย่างเคร่งครัด ทำให้นำโรคไปติดคนใกล้ชิดในครอบครัว รวมทั้งเพื่อนๆ ที่สำคัญตัวโรคโควิด-19 มีความรุนแรงในกลุ่มบอบบาง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือ ผู้มีโรคประจำ หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป “การระบาดในประเทศก็จะมีการขยายวง” จนนำไปสู่ภาวะรควบคุมโรคได้ยากลำบาก ดังนั้น
“ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจ” ทำตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่า อย่างเคร่งครัด
📍 ประกาศๆ ผู้ที่เข้าไปใน
- ในพื้นที่กทม.
- #สนามลุมพินี #สนามมวยราชดำเนิน (ในวันที่ 6 มี.ค. 2563)
- #สถานบันเทิง #ร้านอาหารยามค่ำคืน (ระหว่างวันที่ 9-10 มี.ค. 2563)
- ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขพบผู้ป่วยยืนยันในสถานที่ดังกล่าว
- กลุ่มคนเหล่านี้ขอให้สังเกตอาการตนเองเป็นเวลา 14 วัน หากมีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หายใจลำบาก อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้รีบไปตรวจรักษาที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทุกสังกัด (รักษาฟรี)
- มีข้อสงสัยโทร 1422
“สถานการณ์ในไทยตอนนี้ จะพบว่า กลุ่มใหญ่ๆ จะเป็นกลุ่มสถานบันเทิง-สนามมวย
ดังนั้นผู้ที่เดินทางออกนอกบ้าน กลับมาบ้านต้องดูแลความสะอาด เพื่อป้องกันคนที่บ้าน ผู้สูงอายุที่บ้าน”
📍 ภาพรวมในประเทศมาเลเชีย ขณะนี้มีผู้ที่เดินทางจากพรมแดนเข้า – ออก
- เราติดตามตัวไปแล้ว 89 คน
- จากจังหวัดสงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
- มีอาการป่วย จำนวน 11 คน ส่งตรวจเชื้อผลห้องแล็บแล้ว
- พบว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 คน
- ติดตามผู้สัมผัสทั้งหลายที่กักตัวครบ 14 วันแล้ว จำนวน 52 คน และที่เหลืออยู่เฝ้าระวังติดตามให้ครบ 14 วัน
📍 สถานการณ์ประเทศเพื่อนบ้าน (มาเลเซีย)
- พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก และมีพี่น้องคนไทย ส่วนนึงไปร่วมพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย แล้วเดินทางกลับมา
- กระทรวงสาธารณสุขได้เพิ่มบุคลากรคัดกรอง เฝ้าระวังที่ด่านตรวจพรมแดน
- เพิ่มเวชภัณฑ์ และวัสดุป้องกันโรค ให้กับบุคลากรในการทำงานอย่างปลอดภัยและเต็มที่
- จัดพื้นที่ cohort ward ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดหาสถานที่กักตัว (กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมีจำนวนมากขึ้น)
- สื่อสารด้านการควบคุมโรคอย่างถูกต้องให้พี่น้องประชาชนได้ทราบ
- ใช้มาตราการทางสังคม และกฏหมายเพื่อควบคุมการระบาด
📍 ประเด็นค่าใช้จ่ายรักษาโควิด-19
- ผู้ป่วย โควิด-19 ให้เป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน
- ขอให้เลือก รพ.ตามสิทธิ์ก่อนเป็นลำดับแรก
- กรณีจำเป็นจริงๆ ใช้สิทธิ์ที่ใดก็ได้
📍 เงื่อนไข
- ผู้ป่วยต่างชาติ = ใช้สิทธิ์ไม่ได้
- ผู้มีประกัน = ใช้ประกันก่อน
- ไม่มีประกัน= ใช้การแบบเดียวกับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ
- ส่วนเรื่องงบประมาณ สธ.จะไปทำงานต่อ ในรายละเอียดแนวทางการจ่ายอยู่ ดังนั้น ผู้ป่วย โควิด-19 ให้ใช้รพ.ตามสิทธิ์ก่อน ส่วนรพ. เอกชน ขอให้ลงบัญชีไว้ก่อน เมื่อระเบียบเบิกจ่ายเรียบร้อย ก็ให้นำมาเบิกรัฐ ทีหลัง
- ส่วนผู้ป่วย หากมีปัญหาในเรื่องการใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น โทรแจ้ง สพฉ. ที่เบอร์ 02-872-1669
*** ย้ำ – สธ. และ กลาโหม จะดำเนินการซ้อมแผนกันในวันที่ 19 มี.ค. 63 เวลา 09:00-16:00 น.
*** ย้ำ – ซ้อมแผนนะครับ อย่าตื่นตกใจ
📍 การไปซื้อของในพื้นที่ต่างๆ ยังใช้หลักการเดิมได้
- ลดการสัมผัสสิ่งต่างๆ
- ล้างมือบ่อยๆ หลังออกมา ก่อนสัมผัสใบหน้า
📍 พื้นที่ศาสนกิจ
- ให้ระวังคนจำนวนมากๆ รวมตัวกัน
- ลด/เลี่ยงกิจกรรมคนเยอะ
- มีการทำความสะอาด
📍 ที่ทำงาน
- work at home ดีกว่า
📍 ที่บ้าน ควรเป็นพื้นที่สะอาดที่สุด ดังนั้น
- เมื่อกลับเข้าบ้าน ล้างมือให้สะอาด
- อาบน้ำให้สะอาด