สรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019
📍 สถานการณ์ในประเทศไทย
- เพิ่ม ผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 60 ราย
(ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 213-272) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
🔸 กลุ่มที่ 1 มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย จำนวน 43 ราย
▪️ สนามมวย 12 ราย (ผู้ชม, ญาติ, ผู้ดูแลค่ายมวย, เจ้าหน้าที่สนามมวย)
- สนามมวยลุมพินี
- สนามมวยราชดำเนิน
- ค่ายจิตเมืองนนท์
▪️ ผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องสถานบันเทิง จำนวน 14 ราย
(ติดทั้งผับ, ดีเจ, พนักงานทำความสะอาด, พ่อครัว, พนักงานเสริฟ, พิธีกร, รองผู้จัดการร้าน, แคชเชียร์, คนเที่ยว, แฟนคนเที่ยว)
- ย่านทองหล่อ, ย่านสวนหลวง, ย่านรามคำแหง, ย่านสุขุมวิท
▪️ ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ จำนวน 12 ราย
(เพื่อนร่วมงาน, ภรรยา, ผู้โดยสารร่วมเที่ยวบิน, ลูกเรือสายการบิน, แอร์โฮสเตส, พนักงานคาร์โก้)
- มีพฤติกรรมเสี่ยงดื่มเหล้าร่วมวง ทานข้าวร่วมกัน
▪️ ผู้ป่วยที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาในมาเลเซีย จำนวน 5 ราย
- เป็นชาวไทย จากปัตตานี และยะลา
🔸 กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 17 ราย
▪️ ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ จำนวน 9 ราย
มีประวัติเดินทางไปไต้หวัน ฝรั่งเศส อังกฤษ อินเดีย อิตาลี มาเลเซีย กัมพูชา ญี่ปุ่น เยอรมัน อิหร่าน
(บางรายเดินทางไปมากกว่า 1 ประเทศ)
▪️ กลุ่มทำงานใกล้ชิดชาวต่างชาติ จำนวน 3 ราย
- ครูพี่เลี้ยง
- พนักงานเคาน์เตอร์เช็คอิน
- เพื่อนต่างชาติมาอาศัยที่คอนโด
▪️ ผู้ป่วยที่อาศัยหรือทำงานในสถานที่แออัดใกล้ชิดคนจำนวนมาก มีจำนวน 1 ราย
- เทรนเนอร์ สถานที่ออกกำลังกาย
▪️ รอผลการตรวจห้องแล็บ 4 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มี “ผู้สื่อข่าว 1 ราย”
📍 อัปเดต! ผู้ป่วยอาการหนัก 3 ราย
- รายที่ 1 ชายไทย อายุ 49 ปี ที่รักษาตัวในห่อผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานี อาการยังอยู่ในภาวะวิกฤต ได้รับการล้างไตแล้ว มีประวัติเป็นโรคหัวใจและกินยาต่อเนื่อง
- รายที่ 2 ชายชาวเบลเยี่ยม อายุ 67 ปี รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดเพชรบูรณ์ อาการยังอยู่ในภาวะวิกฤต ใส่ท่อช่วยหายใจ
- รายที่ 3 ผู้ป่วยอาการหนัก (รายเดิม) ที่ป่วยเป็นวัณโรค ปัจจุบันตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 แล้ว
แต่ยังคงเฝ้าระวังดูแลโดยแพทย์ที่สถานบันบำราศนราดูร
📍 กลุ่มที่เดินทางจากประเทศอิตาลี ที่กักกันอยู่ที่ฐานทัพเรือ สัตหีบ
- จำนวน 83 คน (รอจะครบเฝ้าระวัง 14 วัน)
- ผลตรวจในห้องแล็บทุกคนไม่พบเชื้อ
🔸 รวมผู้ป่วยหายกลับบ้าน 42 ราย
🔸 รวมผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 229 ราย และอาการหนัก 3 ราย
🔸 รวมผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย
🔸 ผู้ป่วยสะสม 272 ราย
📍 โดยสรุปจากข้อมูล
▪️ สถานที่บันเทิง
- เรียกได้ว่าติดทั้งผับ ทั้งคนทำงาน คนเที่ยว คนในครอบครัว ผู้สัมผัสใกล้ชิด
- เริ่มมีการรายงานผู้ป่วย ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2563
- เราพบผู้ป่วยยืนยันได้กลุ่มนี้รวมจำนวน 57 ราย
▪️ สนามมวย
- พบผู้ติดเชื้อตั้งแต่ ผู้จัด เจ้าของค่าย เซียนมวย พิธีกร ผู้เข้าชม ครอบครัวและคนใกล้ชิด
- กลุ่มหลักมาจาก สนามมวยลุมพินี สนามมวยราชดำเนิน
- เริ่มพบ ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 2563 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
- มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 52 ราย
- สนามมวย พบว่าผู้ติดเชื้อ ส่วนหนึ่งเป็นผู้ชมที่มาจากต่างจังหวัด
- ซึ่งมีโอกาสที่จะนำเชื้อไปติดคนใกล้ชิดที่ตัวเองเดินทางไป
“นับว่าเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นไปรวม 272 ราย”
⭐️ ที่สำคัญพบว่ามีบางคน ⭐️
- ที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ยังออกไปยังผู้ที่มีคนแออัด ไม่ว่าจนเป็นสถานบันเทิง ร้านอาหาร
- โดยไม่มีการกักกันตัวเอง ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ถือว่าเป็นอันตรายมาก ในการแพร่โรคไปสู่ผู้อื่น ส่งผลให้การควบคุมโรคเป็นไปด้วยความยากลำบาก
- ตรงนี้เองที่กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลได้แนะนำให้ หลีกเลี่ยง งด ไปสถานที่คนแออัด
📍 กรณีกลุ่มเสี่ยงสูง ไม่ยอมกักตัว
- ตอนนี้ สธ. กำลังทยอย ดำเนินการกับคนเหล่านี้อยู่ ซึ่งหากพบเห็น แจ้ง สธ.อำเภอ, รพ.ในพื้นที่ ฯลฯ เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามกฎหมาย
📍 ผู้ป่วยกลุ่มที่เพิ่มมากขึ้น 75-80% ที่พบในแต่ละวัน “#ยังเป็นผู้ป่วยที่เราทราบแหล่งที่มา” “ยังอยู่ในวงจำกัดสัมพันธ์กับกรณีสนามมวย สถานบันเทิง และผู้ป่วยรายใหม่ยังคงเป็นกลุ่มเดินทางมาจากต่างประเทศ
“แม้ว่าจะเจอผู้ป่วยรายใหม่และเป็นกลุ่มผู้สัมผัส ส่วนใหญ่มีอาการไม่มาก”
อยากให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป
📍 นายกรัฐมนตรีได้มีมติครม.
- มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่โรคติดต่อจังหวัด
- พิจารณาที่จะปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค เช่น สถานบริการ สถานที่อื่นๆ ชั่วคราวจนกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จะดีขึ้น
📍 ย้ำว่า “(ถ้าหาก) มีการติดเชื้อจริง”
กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับโรงพยาบาลในกระทรวง โรงเรียนแพทย์ เหล่าทัพ ตำรวจ และเอกชน
- พอรองรับผู้ป่วย ได้สำรองเตียงทั่วประเทศไว้มากกว่า 7,000 เตียง
- หากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นก็จะมีการพิจารณาเปิดโรงพยาบาลสนาม
- สำรองยา เวชภัณฑ์ ครุภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ