ประเด็นน่าสนใจ
- อิหร่านอนุมัติขึ้นสถานะ กองทัพสหรัฐและบุคลากรในกระทรวงกลาโหม รวมถึงหน่วยงานภายใต้สังกัดเพนตากอนเป็นสมาชิกของ”องค์กรก่อการร้าย”
สมาชิกรัฐสภาอิหร่านได้อนุมัติการขึ้นสถานะ กองทัพสหรัฐรวมถึง บุคลากรในกระทรวงกลาโหม หน่วยงานภายใต้สังกัดเพนตากอน รวมถึงบรรดานายพลและนายทหารระดับผู้บัญชาการทั้งหมด เป็นสมาชิกของ”องค์กรก่อการร้าย”
ซึ่งผลของการที่อิหร่าน ขึ้นแบล็กลิสต์นี้ หากมองในมุมของสากล องค์กรที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย จะต้องถูกคว่ำบาตร ทางการทูต คว่ำบาตรทางการค้า รวมถึงการ เจรจาในด้านต่าง ๆ รวมถึงวัฒนธรรม สังคม ที่สำคัญถือว่าเป็นการเปิดทางให้มีการตอบโต้ทางการทหารขั้นเด็ดขาดกับผู้นำองค์กรเหล่านี้ ซึ่งฝ่ายมองว่า การขึ้นบัญชีเพนตากอนของสหรัฐ อิหร่านจะมีมาตรการใดตอบโต้ออกมาหลังจากนี้
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนปี 2019 ที่ผ่านมา สหรัฐได้ประกาศให้กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ซึ่งเป็นกองกำลังทหารในสังกัดกองทัพอิหร่าน ที่มุ่งปฏิบัติการทั้งในอิหร่านและต่างแดน ซึ่งเป็นองค์กรที่สำคัญและขึ้นตรงกับอยาตอลเลาะห์โคเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านโดยตรงเป็น “องค์กรก่อการร้ายในต่างแดน”
ฝั่งนายมาร์ก เอสเปอร์ (Mark Esper) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ต้องออกมาแถลงชี้แจง กรณีมีจดหมายหลุดออกมา เป็นของผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในอิรัก ส่งถึงรองผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการร่วมในอิรัก ใจความว่าสหรัฐฯ กำลังจะปรับกำลังทหารที่ประจำการอยู่ในอิรักในเร็วๆนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนย้ายกำลัง ตามที่รัฐสภาและนายกรัฐมนตรีอิรักร้องขอ
นายเอสเปอร์ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ทั้งนั้น ไม่มีการถอนทหารจากอิรัก ส่วนจดหมายที่หลุดออกมา ไม่ทราบว่ามาจากไหน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบ
ขณะที่ทางด้าน นายลีออน พาเนตต้า อดีต เปิดเผยผ่านสื่อสหรัฐ ถึงปฏิบัติการสังหารนายพล “กัสซิม โซเลมานี” โดยเผยว่า สมัยที่เขายังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ CIA ช่วงปี 2011-2013 ไม่เคยมีการขึ้นทะเบียนนายพลโซเลมานี ในบัญชีเฝ้าระวังก่อการร้ายเลย จะมีเพียงรายชื่อของ “โอซามา บิน ลาเดน” และ “อาบู บักการ์ อัล บักดาดี” รวมถึงสมาชิกกลุ่มอื่นๆ แต่โซเลมานีไม่เคยอยู่ในบัญชีนี้
อดีต ผอ.CIA อธิบายว่า เหตุที่ โซเลมานี ไม่ได้อยู่ในบัญชีเฝ้าระวังก่อการร้ายเพราะนายพลคนนี้ แตกต่างกับแกนนำผู้ก่อการร้ายอย่าง “ไอซิส” และ “อัลกออิดะห์” ซึ่งสามารถระบุตัวได้อย่างชัดเจนสิ่งที่สหรัฐฯต้องให้ความสำคัญคือภัยคุกคามจากอิหร่านไม่ใช่แค่บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ให้เหตุผลในการปลิดชีพว่า “โซเลมานีและกองกำลังของเขามีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของทหารอเมริกันและพันธมิตรหลายร้อยนาย รวมถึงเหยื่ออีกนับพันคน
นอกจากนายพาเนตต้าแล้ว นาย Michael Morell รักษาการอดีตผอ.ซีไอเอ ก็เป็นอีกหนึ่งรายที่เผยกับรายการ CBS This Morning ว่าปฏิบัติการสังหารโซเลมานี จะทำให้อิหร่านตอบโต้อย่างรุนแรงจากการโจมตีของสหรัฐ และอาจเป็นเหตุให้ชาวอเมริกันต้องเสียชีวิต ซึ่งเป็นไปได้ที่อิหร่านอาจมุ่งเป้าโจมตีชาวอเมริกันในหลายประเทศโดยเฉพาะเลบานอน บาเรน รวมถึงประเทศอื่นๆในตะวันออกลาง
มาดูที่ฝั่งอเมริกากันบ้าง นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก หวั่นนครนิวยอร์กตกเป็นเป้าโจมตีครั้งใหญ่ โดยนายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กของสหรัฐ แสดงความกังวล ว่า “ที่ผ่านมาเราประเมินความเสี่ยงในความเป็นจริงของสงครามที่เกิดจากฝีมือรัฐบาลของประเทศที่โยงใยกับเครือข่ายก่อการร้ายระดับโลก หากเทียบกับกลุ่มก่อการร้ายที่ไม่ใช่ “องค์กรระดับรัฐ” อย่างกลุ่มอัลกออิดะฮ์ หรือกลุ่มไอซิส”
นครนิวยอร์กเคยตกเป็นเป้าโจมตีครั้งใหญ่มาแล้วจากเหตุการณ์ 9/11 ตำรวจนิวยอร์กรักษาการบริเวณย่านไทม์สแควร์หน่วยงานของเขากำลังทำงานร่วมกันเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นๆอย่างแข็งขัน และพร้อมรับมือกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ แม้ว่าขณะนี้ยังไม่พบเบาะแสอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเมืองใหญ่ในสหรัฐก็ตาม
ทำให้ขณะนี้เรามีความร่วมมือกับหลายหน่วยงานในการักษาความปลอดภัยอย่างเข้มแข็ง ไม่ว่าจะยุทธวิธีรูปแบบต่างๆ รวมถึงเฝ้าระวังการใช้พันธมิตรในหลายกลุ่มในต่างประเทศที่เป็นทั้งหน่วยทหารและกลุ่มก่อการร้ายในการตอบโต้สหรัฐฯ แต่ก็ยอมรับว่ายากจะคาดเดาว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด