นับคะแนนใหม่ ผลคะแนนเลือกตั้ง 62 พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ

ผู้สมัคร ส.ส.พปชร. เขต 6 เมืองคอน ร้องขอความเป็นธรรมการนับคะแนนผิดปกติ

ผู้สมัคร ส.ส. พลังประชารัฐ เขต 6 เมืองคอน ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม การนับคะแนนผิดปกติ กับประชาธิปัตย์ วันที่ 25 มี.ค.62 ที่สำนักงาน กกต.จังหวัดนครศรีธรรมราช นางสาวนุชนภางค์…

Home / NEWS / ผู้สมัคร ส.ส.พปชร. เขต 6 เมืองคอน ร้องขอความเป็นธรรมการนับคะแนนผิดปกติ

ผู้สมัคร ส.ส. พลังประชารัฐ เขต 6 เมืองคอน ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม การนับคะแนนผิดปกติ กับประชาธิปัตย์

วันที่ 25 มี.ค.62 ที่สำนักงาน กกต.จังหวัดนครศรีธรรมราช นางสาวนุชนภางค์ ลิ่มดุลย์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากนางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขต 6 นครศรีธรรมราช โดยมีบรรดาชาวบ้านที่ให้การสนับสนุนผู้สมัคร มาให้กำลังใจในครั้งนี้ด้วย

นางมุกดาวรรณ กล่าวว่า เขตพื้นที่ 6 ซึ่งประกอบด้วย อ.ช้างกลาง นาบอน ลานสกา และ อ.ร่อนพิบูลย์ ในเขตนี้มีผู้สมัคร ส.ส.จำนวน 39 คน และจากการนับคะแนน ซึ่งทางคณะทำงานได้ตรวจสอบกับผู้สังเกตการณ์ในหน่วยเลือกตั้งพบว่า อ.ลานสกา อ.ช้างกลาง และ อ.นาบอน ปรากฏว่าคะแนนของตนนำมาเป็นลำดับแรก

ส่วน ใน อ.ร่อนพิบูลย์ คะแนนตนอยู่ในลำดับที่ 2 รองจาก พรรคประชาธิปัตย์ แต่ช่วงเวลาที่มีการนับคะแนนไปมากกว่า 60% ตนยังนำกว่า 9,000 คะแนน แต่เมื่อนับคะแนนในเขต อ.ร่อนพิบูลย์ ซึ่งตนอยู่ในลำดับที่ 2 คะแนนกลับพลิก คะแนนของคนตาม พรรคประชาธิปัตย์ อยู่กว่าหมื่นคะแนน

“จากการประเมินการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งเป็นเรื่องในการวิเคราะห์เชิงลึกพบว่า มีพฤติกรรมอะไรบางอย่างไม่โปร่งใส ตนจึงทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในการตรวจสอบ ส.ส. 5/18 ซึ่งเป็นแบบการราบงานผลคะแนนเขตแต่ละหน่วยการเลือกตั้ง เอกสารฉบับนี้จะเป็นตัวยืนยัน ในความเป็นจริง แล้วผู้ที่รายงานผลการนับคะแนนแต่ละหน่วยจะเป็น ตร.สันติบาล เชื่อว่าจะไม่มีการรายงานเท็จอย่างแน่นอน

ดังนั้น เอกสารฉบับนี้จะต้องรายงานให้ตรงกัน และหากตรวจพบแล้วยังรู้สึกว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนจะเรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่อีกครั้ง ไม่ได้ว่าใครโกงใคร แต่อาจจะเกิดการผิดพลาดที่มีการนับคะแนนก็เป็นได้”

โดยตนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เข้ามาร้องเรียน และจะตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายเป็นที่ตั้ง