ชาวเน็ตใน จ.ชุมพร แห่แชร์อุปกรณ์เอกสารเลือกตั้ง ซุกทิ้งถังขยะห้องน้ำในปั้ม ทางด้าน ผอ.กกต.ประจำ จ.ชุมพร ชี้ไม่มีผลต่อการเลือกตั้ง เตือนผู้แสดงความคิดเห็นระมัดระวังการวิพากษ์วิจารณ์
วันที่ 26 มีนาคม 2562 ในสื่อสังคมออนไลน์จังหวัดชุมพรได้มีการส่งต่อภาพและข้อมูล กรณีมีผู้ไปพบวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้งถูกทิ้งอยู่ในถังขยะหน้าห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ริมถนนเลียบทางรถไฟในเขตเทศบาลเมืองชุมพร พร้อมโพสต์ข้อความว่า
“พบสายรัดหีบบัตรเลือกตั้งในถังขยะปั๊มน้ำมัน จ.ชุมพร พร้อมลายเซ็นเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบและเอกสารกำกับอีกด้วย ของสำคัญแบบนี้มันไปอยู่ในถังขยะปั๊มน้ำมันได้ยังไง?…”
ส่วนภาพวัสดุอุปกรณ์ที่พบเมื่อตรวจสอบก็ทราบว่าเป็นสายพลาสติกสีฟ้า ที่ใช้รัดหีบบรรจุบัตรเลือกตั้งจำนวน 3 เส้น ส่วนปลายมีกระดาษสีข่าวปิดทับ และมีข้อความ “กกต 0716213” พร้อมลายเซ็นของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง 5 ชื่อ พร้อมกระดาษสีขาวที่คาดว่าคงใช้ปิดหีบบัตรของหน่วยเลือกตั้งที่ 16 เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดชุมพร
นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ทราบเรื่องดังกล่าวจากสังคมออนไลน์ และ ผอ.กกต.ได้โทรศัพท์มารายงานให้ทราบด้วยวาจาแล้ว ในเบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่ามีการทุจริตการเลือกตั้ง ตนจึงขอให้ ผอ.กกต.ชุมพร ส่งทีมสืบสวนของ กกต.ชุมพร ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อให้เกิดความชัดเจน แล้วตอบสังคมให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้กระทำมีเจตนาอะไร หรือทำไปด้วยความบกพร่อง
อย่างไรก็ตามขอถือโอกาสขอบคุณชาวชุมพรที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกว่า 3 แสนคน จากที่ชุมพรตั้งเป้าเอาไว้ว่า 320,000 คน จนทำให้มีจำนวนผู้ใช้สิทธิมากกว่า 79% ซึ่งเกือบตรงตามเป้าที่ตั้งไว้คือ 80%
ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง ร.ต.อ.หญิง ฐาปนีย์ มหาพชราอรุณใหม่ ผอ.กกต.ประจำ จ.ชุมพร ก็ได้รับการชี้แจงว่า จากการตรวจสอบพบว่า สิ่งที่พบเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก่อนกระบวนการลงคะแนนเลือกตั้ง ในขั้นตอนการเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งก่อนการลงคะแนน
ซึ่งเมื่อเข้าสู่การเตรียมการลงคะแนนในวันเลือกตั้ง จะต้องทำการตัดสายรัดเพื่อนำบัตรเลือกตั้งมาเตรียมใช้ในการลงคะแนน และนำเอกสารปิดช่องสำหรับหย่อนบัตรออก โดยเป็นการดำเนินการโดยเปิดเผยต่อหน้าผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งที่ร่วมเป็นสักขีพยานอยู่ จึงไม่เป็นเหตุให้การเลือกตั้งนั้นไม่สุจริตเที่ยงธรรมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามการจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ไปทิ้งหรือนำไปเพื่อทำลายในลักษณะดังกล่าว ในภาพรวมหรือมุมสะท้อนของสังคมอาจไม่เหมาะสมนัก ซึ่งจะได้นำไปสังเคราะห์เป็นประเด็นหนึ่งในการถอดบทเรียนและปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการให้รัดกุม รอบคอบ ตักเตือนเน้นย้ำให้ระมัดระวังการกระทำที่ล่อแหลมดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งที่เกี่ยวข้องต่อไป
“สิ่งที่อยากย้ำเตือนก็คือ การนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ หากข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นอาจเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ได้ จึงขอให้ผู้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ระมัดระวังด้วย” ร.ต.อ.หญิง ฐาปนีย์ กล่าว
ชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่า เป็นการโกง หรือ เพราะอะไร แต่ ถ้าไม่ใช่การโกง ก็ ถือได้ว่า ไม่น่านำเอกสารสำคัญอย่างนี้มาทิ้งในสถานที่แบบนี้ ถือได้ว่าไม่เหมาะสม
