“บิ๊กโจ๊ก”แถลงจับ 9 ผู้ต้องหาแชร์ข่าวปลอมสั่งปลด 2 กกต. เร่งขยายผลส่วนที่เหลือ เชื่อผู้ที่ปล่อยข่าวปลอมอยู่ต่างประเทศ
วันที่ 27 มี.ค.62 ที่ บก.ปอท. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท.แถลงผลการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่มีพฤติกรรมเผยแพร่หรือส่งต่อข้อความข่าวสารอันเป็นเท็จ จำนวน 9 คน
ซึ่งได้แชร์ข่าวจากเว็ปไซต์ www.syoutaogou.com ที่พาดหัวข่าวว่า “ปลดด่วน 2กกต.สลับรถขนบัตรเลือกตั้ง ยัดบัตรผี 600,000 ใบสลับรถในโรงรถ ปธ.ชี้อาจมีการเลือกตั้งใหม่” ซึ่งในข่าวปลอมนั้นมีรูปภาพของนายฉัตรชัย จันทร์พลายศรี และนายปกรณ์ มหรรณพ กรรมการการเลือกตั้ง เผยแพร่ด้วยทำให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม ก่อให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานรัฐและความมั่นคงของชาติ
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ว่า มีการเผยแพร่และการแชร์ข่าวปลอมที่มีเนื้อหาอันเป็นเท็จ เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ที่ว่านำเข้า เผยแพร่และส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน5ปี ปรับไม่เกิน100,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 9 คนเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา และจะสอบปากคำ โดยหลังจากนี้จะตรวจสอบกลุ่มที่ปล่อยข่าวปลอมขึ้นมา ซึ่งพฤติการณ์ส่วนใหญ่ของกลุ่มดังกล่าวนั้นจะสร้างข่าวปลอมขึ้นมาเพื่อสร้างความสับสนภายในสังคม และหวังรายได้จากยอดไลค์ยอดแชร์ของประชาชน ส่วนจะถูกว่าจ้าง หรือทำเป็นขบวนการหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบความชัดเจน ส่วนที่ว่าผู้ปล่อยข่าวนั้นจะอยู่ในไทยหรือต่างประเทศนั้น อยู่ในระหว่างการตรงจสอบเช่นกัน
“แต่ที่ผ่านมาข่าวลักษณะแบบนี้จะมีบัญชีผู้ใช้อยู่ต่างประเทศ การจะดำเนินคดีนั้นยอมรับว่ามีอุปสรรคในการติดตามตัวเพราะด้วยตัวกฎหมายที่ไม่เหมือนกันในแต่ละประเทศ แต่ถ้าอยู่ในประเทศกลุ่มอาเซียนที่ผ่านก็สามารถที่จะนำตัวมาดำเนินคดีได้ ตำรวจจะเร่งขยายผลติดตามผู้ที่ร่วมแชร์ที่เหลือมาดำเนินคดีอีก รวมถึงผู้ที่แชร์ผ่านทวิตเตอร์เช่นกัน และฝากเตือนประชาชนอย่าแชร์ข่าวที่ไม่เป็นจริง และยืนยันว่า ศปอส.ตร.ดำเนินการด้วยความตรงไปตรงมาและจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว
ขณะที่หนึ่งในผู้ต้องหา ยอมรับว่า เป็นผู้แชร์ข้อมูลจริงโดยไม่รู้ว่าเป็นข่าวปลอม จนกระทั่งตำรวจไปจับกุมที่บ้านพักที่จังหวัดปราจีนบุรีจึงทราบว่าเป็นข่าวปลอม ยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาหรือฝักใฝ่ทางการเมือง แต่ในฐานะประชาชน ตนอยากจะติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับวันเลือกตั้งเท่านั้น และในวันดังกล่าวมีการเผยแพร่ข่าวดังกล่าว และข่าวเกี่ยวกับวันเลือกตั้งจำนวนมาก พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีคนแชร์จำนวนมากแต่ทำไมตนถึงถูกดำเนินคดี
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ฝากเตือนผู้ใช้งานโซเชียลว่า ควรตรวจสอบข้อมูลข่าวสารด้วยความระมัดระวัง โดยตรวจสอบกับสำนักข่าวที่มีมาตรฐาน หรือ เว็บไซต์ของทางรัฐบาล หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูก่อนว่าเรื่องหรือข่าวเหล่านั้นเป็นความจริงหรือน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ก่อนจะส่งต่อให้คนอื่น
การกดไลท์ยังไม่มีความผิด แต่การแชร์ต่อจะผิด พ.ร.บ.คอมพ์ ม.14(5) ทันที
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการกระทำในลักษณะสร้างหรือผลิตข่าวปลอม ในลักษณะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ม.14(2) ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และฝากเตือนคนที่จะแชร์ข่าวปลอมเหล่านี้ว่าจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ มาตรา 14(5) ซึ่งมีอัตราโทษเท่ากับคนนำเข้าสู่ระบบ คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ