นักวิชาการแนะนำประชาชนที่อาศัยแถบภาคเหนือ ให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์แผ่นดินไหวอยู่เสมอ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีรอยเลื่อนมากที่สุดในประเทศไทย และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ขณะที่แผ่นดินไหวที่จังหวัดลำปางเมื่อวานนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังอีกหลายสัปดาห์
ศาสตราจารย์เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว สถานบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เปิดเผยถึงสถานการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดลำปางว่า เป็นสถานการณ์ปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะอยู่ใกล้บริเวณรอยเลื่อนพะเยา ซึ่งมีการสะสมพลังงานความร้อนในชั้นใต้ดินมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจึงคลายตัวออกมาทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น
สำหรับการเกิดแผ่นดินไหวจำนวนกว่า 20 ครั้งในพื้นที่ ให้นับว่าเป็น 1 ชุด โดยครั้งที่ใหญ่ที่สุดคือขนาด 4.9 ซึ่งเป็นเมนช็อค (main shock) ส่วนแรงสั่นสะเทือนก่อนหน้านั้นเป็น ฟอร์ช็อค (fore shock) และแรงสั่นสะเทือนหลังจากขนาด 4.9 เป็นอาฟเตอร์ช็อค (after shock) โดยหลังจากนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อใด จึงยังคงต้องมีการเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไปอีกหลายสัปดาห์
ทั้งนี้ มีการเปรียบเทียบกับการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ที่จังหวัดเชียงรายเมื่อ 5 ปีก่อน จะเห็นได้ว่าเกิดขึ้นในภาคเหนือเช่นเดียวกัน เนื่องจากภาคเหนือมีแนวรอยเลื่อนที่มีพลังจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย มีมากกว่า 10 แนว ซึ่งหากมีการสะสมพลังงานไปเรื่อยๆ ก็สามารถเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่า 6.3 โดยที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ จึงอยากให้ประชาชนในแถบภาคเหนือ เตรียมความพร้อมในการรับมือแผ่นดินไหวอยู่เสมอ โดยเฉพาะการก่อสร้างหรือต่อเติมอาคาร ควรทำให้มีความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนมากขึ้น และให้เป็นไปตามกฎหมายควบคุมอาคารอย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์เป็นหนึ่งยังบอกด้วยว่า หลังจากนี้จะมีการพูดคุยกัน เพื่อเตรียมเสนอร่างกฎหมายควบคุมอาคารอีกฉบับ เพื่อกำหนดให้มีการเสริมกำลังอาคารหลังเก่าที่สร้างไปแล้ว ให้มีความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนมากขึ้น
