อินเดีย-ปากีฯ รัวปืนใหญ่ใส่กันเดือดบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนหยุดยิง (LoC)
วันที่ 28 ก.พ. 2562 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าว กรณีกำลังทหารภาคพื้นดินของกองทัพอินเดียและปากีสถานมีการยิงปืนใหญ่ข้ามเส้นแบ่งเขตแดนหยุดยิง (LoC) ปะทะกัน ในบริเวณเมืองพูนช์ แคว้นแคชเมียร์ ทางฝั่งอินเดียอย่างดุเดือด
โดยโฆษกกองทัพอินเดียแถลงต่อนักข่าวว่า กองทัพอินเดียได้มีการยิงปืนใหญ่ตอบโต้ฝ่ายปากีสถานอย่างรุนแรงและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ทางการอินเดียยังเผยด้วยว่า ทหารปากีสถานเป็นฝ่ายยิงปืนใหญ่เข้ามาในดินแดนของอินเดียก่อนในช่วงเช้าวันที่ 28 ก.พ.2562 แต่ยังไม่มีรายงานมีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้ครั้งนี้
นอกจากนี้ ทางการอินเดียกำลังระดมสร้างบังเกอร์ให้ครอบครัวชาวบ้านในแคชเมียร์ หลบกระสุนมากกว่า 14,000 บังเกอร์ ตามแนวชายแดนในรัฐชัมมูและแคชเมียร์ เพื่อหวังให้ชาวบ้านที่อาศัย หลบภัย
อินเดีย เรียกร้องให้ปากีสถาน ปล่อยตัวนักบินรบแบบมิก-21
28 ก.พ. 2562 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าว กรณีที่รัฐบาลอินเดียเรียกร้องปากีสถานปล่อยตัว น.ต. อภินันทาน วัธมัน นักบินเครื่องบินรบแบบมิก-21 ของอินเดียที่ทางการปากีสถานควบคุมตัวไว้ หลังจากเมื่อวานนี้ (27 ก.พ. 2562) ทางการอินเดียยิงเครื่องบินรบอินเดียตก 2 ลำ นายทหารอินเดียคนดังกล่าว ยืนยันว่าได้รับการดูแลจากกองทัพปากีสถานเป็นอย่างดี
ความขัดแย้งระหว่างปากีสถานและอินเดียรุนแรงมากขึ้น หลังปากีสถานยิงเครื่องบินอินเดียร่วง 2 ลำ
ปากีสถานและอินเดียเสี่ยงเผชิญหน้าอย่างรุนแรง หลังปากีสถานยิงเครื่องบินรบอินเดียร่วง 2 ลำ เมื่อวานนี้ พร้อมจับกุมนักบิน เพื่อตอบโต้ที่เครื่องบินรบอินเดียข้ามเขตแดนเข้าไปโจมตีกลุ่มติดอาวุธจาอิช-อี-โมฮัมเหม็ด หรือ JeM ในปากีสถาน เมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นการโจมตีทางอากาศข้ามเส้นแบ่งเขตหยุดยิงที่กั้นพื้นที่แคชเมียร์ ซึ่งสองประเทศควบคุมอยู่ครั้งแรก นับตั้งแต่สองฝ่ายทำสงครามกันในปี 2514 ความตึงเครียดระหว่างสองฝ่ายเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่กลุ่ม JeM ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในแคว้นจัมมูและแคชเมียร์ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอินเดียเสียชีวิตอย่างน้อย 42 นาย เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562
ทางการปากีสถานและอินเดียออกมาเปิดเผยถึงความขัดแย้งครั้งล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวานนี้ ขณะที่ปากีสถานเผยแพร่คลิปภาพนักบินอินเดียชื่อ นาวาอากาศโทอาบี นันดาน ที่ถูกจับกุมหลังเครื่องบินถูกยิงตก
นอกจากนี้ ทางการปากีสถานยังประกาศปิดน่านฟ้า และระงับการให้บริการของสายการบิน เนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น ส่วนอินเดียสั่งปิดสนามบิน 9 แห่งจากสถานการณ์ดังกล่าว นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ของปากีสถาน เรียกร้องให้อินเดียใช้การหารือ เพื่อลดความตึงเครียดระหว่างกัน
ด้านนางศุษมา สวราช รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย กล่าวระหว่างร่วมการประชุมที่มณฑลเจ้อเจียงของจีน ว่า ปากีสถานปฏิเสธการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายที่วางแผนโจมตีอินเดีย ทำให้อินเดียต้องใช้มาตรการป้องกันล่วงหน้า ซึ่งดำเนินการอย่างรับผิดชอบและหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อพลเรือน
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี และกรุงอิสลามาบัด ได้แจ้งเตือนคนไทยในอินเดียและปากีสถานให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุหรือใกล้เคียง และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด
ด้านบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งยกเลิกเที่ยวบินที่ทำการบินไปปากีสถานและเที่ยวบินเส้นทางไป-กลับยุโรป 11 จุดบิน เนื่องจากปากีสถานปิดน่านฟ้า รวมทั้งกำลังวางแผนใช้เส้นทางบินอื่นที่ไม่บินผ่านน่านฟ้าปากีสถาน และอยู่ระหว่างการขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าในเส้นทางอื่น
เสียงสะท้อนจากผู้นำทั้งสองประเทศ
นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียแถลงการณ์อ่านว่า อินเดียคัดค้านการแสดงความไม่เคารพต่อเจ้าหน้าที่ ปากีสถาน ซึ่งถือเป็นการละเมิดบรรทัดฐานทั้งหมดของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและอนุสัญญาเจนีวา และหวังว่าจะไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ชาวอินเดีย อินเดียยังคาดหวังให้เขากลับมาอย่างปลอดภัยโดยเร็ว”
นายอิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ได้ออกโทรทัศน์เรียกร้องให้มีการเจรจาสันติภาพระหว่างเขากับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย พร้อมทั้งระบุว่าสองประเทศจำเป็นต้องก้าวถอยหลังออกมา เพราะการประเมินที่ผิดพลาดอาจลากทั้งสองประเทศเข้าสู่สงคราม ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย ดังนั้นขอให้มานั่งหารือกันเพื่อหาทางออก
ส่วนทางด้าน นายอิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน เรียกร้องผ่านสถานโทรทัศน์ระบุว่า เขาต้องการให้มีการเจรจาสันติภาพระหว่างเขากับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องก้าวถอยหลังออกมา เพราะการประเมินที่ผิดพลาดอาจลากทั้งสองประเทศเข้าสู่สงคราม และจะไม่มีใครได้ประโยชน์จากสงครามครั้งนี้ ดังนั้นขอให้มานั่งหารือกันเพื่อหาทางออก ขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากนายโมดี
กองกำลังทางอากาศปากีสถานสอยเครื่องบินอินเดียร่วง 2 ลำ
27 ก.พ. 2562 : โฆษกกองทัพปากีสถานได้ทวีตข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ @ OfficialDGISPR ระบุว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลังทางอากาศของปากีสถาน ได้ตอบโต้ต่อการโจมตีของฝั่งอินเดียที่เกิดขึ้นวานนี้ (26 ก.พ. 2562)โดยมีการยิงเครื่องบินของอินเดีย 2 ลำ ที่บินเข้ามาในน่านฟ้าของปากีสถาน 1 ในเครื่องบินที่ถูกยิงตกอยู่ในอาซาดแคชเมียร์
ทวีตข้อความดังกล่าวยังระบุอีกด้วยว่า นักบินอินเดียหนึ่งนายถูกจับกุมโดยกองกำลังบนพื้นดินขณะที่อีก 2 คนยังอยู่ในพื้นที่
In response to PAF strikes this morning as released by MoFA, IAF crossed LOC. PAF shot down two Indian aircrafts inside Pakistani airspace. One of the aircraft fell inside AJ&K while other fell inside IOK. One Indian pilot arrested by troops on ground while two in the area.
— Maj Gen Asif Ghafoor (@OfficialDGISPR) February 27, 2019
เจ้าหน้าที่ระดับสูงชาวอินเดียยืนยันการโจมตีทางอากาศในเขตแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน
สำนักข่าว รัสเซียทูเดย์ ของรัสเซียรายงานข่าว กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเพื่อการเกษตรแห่งอินเดียยืนยันว่ากองทัพอากาศอินเดียทำการโจมตีทางอากาศในเขตแคชเมียร์ฝั่งปากีสถานในช่วงเช้าวันที่ 26 ก.พ. 2562 โดยเป้าหมายการโจมตีครั้งนี้ เพื่อโจมตีค่ายก่อการร้าย
พร้อมกันนี้ คเยนทรา ซิงห์ เชคาวัตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเพื่อการเกษตรแห่งอินเดียแจ้งผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า ‘กองทัพอากาศปฏิบัติการโจมตีทางอากาศข้ามเส้นแบ่งเขตหยุดยิง (Line of ControL) ระหว่างสองประเทศในแคว้นแคชเมียร์ และสามารถทำลายค่ายผู้ก่อการร้ายอย่างราบคาบ’
ทางด้านเรืออากาศเอก ปัญจวรวรรธน์ นายทหารสัญญาบัตร สังกัดกองทัพอากาศ ซึ่งขณะนี้ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ผู้สังเกตการณ์ทางทหารแห่งสหประชาชาติ (United Nations Military Observer : UNMO) ณ ประเทศปากีสถานกับอินเดีย ระบุถึง ปมบาดหมางระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน สงคราม เชื้อชาติ ศาสนา และเขตแดน
ปัญหาสำคัญระหว่างปากีสถานและอินเดียคือเรื่อง ‘ดินแดนและศาสนา’ โดยเริ่มขึ้นตั้งแต่หลังจากที่อังกฤษมอบเอกราชให้กับทั้งสองประเทศ ซึ่งปากีสถานเป็นประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ในขณะที่ชาวอินเดียส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู
ये मोदी का हिंदुस्तान है, घर में घुसेगा भी और मारेगा भी,
Air Force carried out aerial strike early morning today at terror camps across the LoC and Completely destroyed it
एक एक क़तरा ख़ून का हिसाब होगा !ये तो एक शुरुआत है .. ये देश नहीं झुकने दूंगा…#Balakot #Surgicalstrike2 pic.twitter.com/fqYJgWxuqX— Gajendra Singh Shekhawat (@gssjodhpur) February 26, 2019
ชนวนสำคัญเกิดขึ้นที่แคว้นจัมมูร์แคชเมียร์หรือที่ชาวไทยเรียกกันว่า ‘แคชเมียร์’ ซึ่งเป็นแคว้นที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม แต่ผู้ปกครองแคว้นนี้ในขณะนั้นเป็นฮินดู ทำให้ผู้ปกครองลงนามที่จะไปรวมกับอินเดีย สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนและปากีสถานเพราะเป็นชาวมุสลิมเหมือนกัน ในขณะที่อินเดียก็ถือว่าตนสิทธิ์ในแคชเมียร์แล้วตามที่ผู้ปกครองลงนาม ความขัดแย้งได้ขยายวงกว้างจนนำไปสู่การเกิด ‘สงคราม’ ในที่สุด
ที่มา www.rt.com
ปากีสถานปฏิเสธการโจมตีทางอากาศ “ค่ายผู้ก่อการร้าย” ตามที่อินเดียกล่าวอ้าง และเตือนจะตอบโต้กลับถึงการกระทำอันแข็งกร้าวของอินเดีย
เมื่อวานนี้ (26 ก.พ. 2562) คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติปากีสถาน หรือ NSC ซึ่งรวมถึงนายอิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน และนายกามาร์ จาเวด บาจวา ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระบุในแถลงการณ์หลังการประชุมด่วนในกรุงอิสลามาบัด ว่า ขอปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อคำกล่าวอ้างของอินเดียที่ระบุว่า ได้โจมตีค่ายผู้ก่อการร้ายใกล้เมืองบาลากอต และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
นายชาห์ เมห์มูด คูรีชิ รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน ออกมากล่าวเตือนอินเดียว่า ปากีสถานจะตอบโต้ในเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม พร้อมกล่าวด้วยว่า ปากีสถานมีสิทธิ์ที่จะป้องกันตนเอง หลังจากเครื่องบินเจ็ทของอินเดียได้ข้ามเข้ามายังเขตแดนของปากีสถาน
ก่อนหน้านั้น นายวีเจย์ เคชาฟ โกคาเล รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย ออกมาแถลงว่า อินเดียได้ควบคุมการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ค่ายของกลุ่มติดอาวุธจาอิช-อี-โมฮัมเหม็ด หรือ JeM ในเชตประเทศปากีสถาน ทำให้มีกองกำลังของกลุ่มดังกล่าวเสียชีวิตราว 300 คนกลุ่มติดอาวุธ JeM คือกลุ่มที่อ้างว่าได้ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในแคว้นจัมมูและแคชเมียร์ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ทางความมั่นคงของอินเดียเสียชีวิตอย่างน้อย 40 ราย เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสองประเทศ
ทางการอินเดียระบุว่า การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากหน่วยข่าวกรองระบุว่า JeM วางแผนจะก่อเหตุโจมตีขึ้นอีก ทั้งนี้ปากีสถานได้ปฏิเสธให้ที่พักพิงกับกลุ่ม JeM ที่ต่อต้านอินเดีย และมีความสัมพันธ์กับกลุ่มอัลกออิดะห์ ซึ่งถูกสหประชาชาติขึ้นทะเบียนรายชื่อกลุ่มก่อการร้ายตั้งแต่ปี 2544