ประเด็นน่าสนใจ
- สิ่งทอประดับฝาผนังเกอร์นิกา ซึ่งทำขึ้นตามผลงานอันโด่งดังของปาโบล ปิกาโซ ศิลปินชาวสเปน หวนคืนสู่สำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ (UN)
- หลังจากถูกเจ้าของถอดออกไปนาน 1 ปี โดยสิ่งทอดังกล่าวถูกนำมาประดับที่เดิมด้านนอกหอประชุมคณะมนตรีความมั่นคงขององค์การฯ
- ผลงานภาพวาดเกอร์นิกาชิ้นดั้งเดิม ซึ่งมีสีเทา สีขาว และสีดำ จัดแสดงอยู่ที่กรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน
สิ่งทอประดับฝาผนังเกอร์นิกา (Guernica) ซึ่งทำขึ้นตามผลงานอันโด่งดังของปาโบล ปิกาโซ ศิลปินชาวสเปน หวนคืนสู่สำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ แล้ว หลังจากถูกเจ้าของถอดออกไปนาน 1 ปี โดยสิ่งทอดังกล่าวถูกนำมาประดับที่เดิมด้านนอกหอประชุมคณะมนตรีความมั่นคงขององค์การฯ เมื่อวันเสาร์ (5 ก.พ.) ที่ผ่านมา
เนลสัน รอกกีเฟลเลอร์ จูเนียร์ (Nelson Rockefeller, Jr.) สมาชิกครอบครัวรอกกีเฟลเลอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของพรมดังกล่าวคืนมันกลับมาอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 โดยไม่ได้ให้เหตุผลใด ขณะที่สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกของอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การฯ กล่าวในเวลาเดียวกันว่ากูเตอร์เรสและบุคคลอื่นๆ เคยพยายามอย่างมากที่จะรักษาพรมนี้ไว้ที่องค์การฯ แต่ไม่เป็นผล
รอกกีเฟลเลอร์ จูเนียร์ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (5 ก.พ.) ว่าตนรู้สึกยินดีที่ผู้คนบนโลกจะมีโอกาสเข้าถึงผลงานชิ้นนี้เป็นวงกว้างมากขึ้น รวมถึงเพิ่มอิทธิพลในการสะกิดใจและให้ความรู้แก่ผู้คนของสิ่งทอผืนนี้
กูเตอร์เรสระบุในจดหมายลงวันที่ 15 ธ.ค. 2021 ที่ส่งถึงรอกกีเฟลเลอร์ว่า การได้รับพรมเกอร์นิกากลับมาในครั้งนี้เป็นข่าวที่น่ายินดีที่สุด เนื่องจากโลกได้ผ่านพ้นปีแห่งความยากลำบากและความขัดแย้ง พร้อมกล่าวว่าพรมผืนนี้กำลังบอกโลกใบนี้ว่าเราจำเป็นต้องเร่งยกระดับสันติภาพและความมั่นคงในเวทีระหว่างประเทศ “ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำหน้าที่ดูแลผลงานอันโดดเด่นและมีเพียงหนึ่งเดียวชิ้นนี้ เพราะเราได้รับแรงบันดาลใจจากสารที่อยู่ในผลงาน” จดหมายระบุ
พรมผืนนี้ซึ่งผลิตขึ้นตามภาพวาดต่อต้านสงครามเกอร์นิกา ซึ่งปิกาโซวาดขึ้นในปี 1937 ได้รับการว่างจ้างให้ผลิตในปี 1955 โดยคำสั่งของเนลสัน รอกกีเฟลเลอร์ อดีตรองประธานาธิบดีและผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก และให้องค์การฯ ยืมในปี 1984 โดยประดับไว้ที่ด้านนอกหอประชุมคณะมนตรีความมั่นคงขององค์การฯ มาตั้งแต่ปี 1985
ทั้งนี้ ผลงานภาพวาดเกอร์นิกาชิ้นดั้งเดิม ซึ่งมีสีเทา สีขาว และสีดำ จัดแสดงอยู่ที่กรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน
ที่มา : Xinhua