ประเด็นน่าสนใจ
- ผลการศึกษาฉบับใหม่ ในสหรัฐฯ เผยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อโอกาสในการตั้งครรภ์
- การศึกษาครั้งนี้รวบรวมข้อมูลจากผู้หญิง 2,126 คน ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ และแคนาดา
- ไม่พบความแตกต่างที่สำคัญในอัตราการคั้งครรภ์ต่อรอบประจำเดือนระหว่างคู่ที่รับ-ไม่ได้รับ วัคซีน
ผลการศึกษาฉบับใหม่ ซึ่งสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) ให้การสนับสนุน เปิดเผยว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ไม่ส่งผลกระทบต่อโอกาสในการตั้งครรภ์
คณะนักวิจัยดำเนินการศึกษาข้อมูลจากชายหญิงมากกว่า 2,000 คู่ และพบว่าไม่มีความแตกต่างของโอกาสในการตั้งครรภ์ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อเทียบกับคู่ที่ไม่ได้รับวัคซีน
อย่างไรก็ดี ผู้เข้าร่วมวิจัยมีโอกาสตั้งครรภ์ลดลงเล็กน้อย หากฝ่ายชายติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ภายใน 60 วันก่อนรอบประจำเดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าโรคโควิด-19 สามารถลดภาวะเจริญพันธุ์ของเพศชายได้ชั่วคราว
การศึกษาครั้งนี้รวบรวมข้อมูลจากผู้หญิง 2,126 คน ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ และแคนาดา ระหว่างเดือนธันวาคม 2020 ถึงเดือนกันยายน 2021 และติดตามผู้เข้าร่วมวิจัยจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2021 โดยผู้เข้าร่วมวิจัยทำแบบสอบถามทุก 8 สัปดาห์ เพื่อให้ข้อมูลด้านสังคมประชากร รูปแบบชีวิต ปัจจัยทางการแพทย์ และข้อมูลเกี่ยวกับคู่ครอง
คณะนักวิจัยไม่พบความแตกต่างที่สำคัญในอัตราการคั้งครรภ์ต่อรอบประจำเดือนระหว่างคู่ที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และคู่ที่รับวัคซีนโดยมีฝ่ายหนึ่งได้รับวัคซีนหนึ่งโดสเป็นอย่างน้อย
ไดอานา เบียนคิ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กและการพัฒนามนุษย์แห่งชาติยูนิส เคนเนดี ไชร์เวอร์ (NICHD) สังกัดสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ ชี้ว่าการค้นพบดังกล่าวช่วยรับรองว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในชายหญิงที่ต้องการมีลูกไม่ได้ทำให้ภาวะเจริญพันธุ์ลดลง และยังเป็นข้อมูลสำหรับแพทย์ที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยที่ต้องการตั้งครรภ์อีกด้วย
อนึ่ง ผลการศึกษาดังกล่าวเผยแพร่ผ่านวารสารอเมริกัน เจอร์นัล ออฟ เอพิเดมิโอโลจี (AJE) เมื่อวันพฤหัสบดี (20 ม.ค.) ที่ผ่านมา
ที่มา : Xinhua