คลัสเตอร์ สถานการณ์โควิด-19 โควิด-19

สธ. เผย “ร้านอาหารกึ่งผับ” ทำให้ติดโควิดหลายคลัสเตอร์

กระทรวงสาธารณสุข เผย “ร้านอาหารกึ่งผับ” ไม่ทำตามมาตรการ เป็นต้นเหตุหลายคลัสเตอร์

Home / NEWS / สธ. เผย “ร้านอาหารกึ่งผับ” ทำให้ติดโควิดหลายคลัสเตอร์

ประเด็นน่าสนใจ

  • กระทรวงสาธารณสุข เผย “ร้านอาหารกึ่งผับ” ไม่ทำตามมาตรการ เป็นต้นเหตุหลายคลัสเตอร์
  • ย้ำจังหวัดเอาผิดตามกฎหมายเตรียมเสนอเลื่อนระบบ Test & Go ออกไปต่อ ส่วนผับบาร์อีก 1 เดือนค่อยประเมิน
  • ห่วงหลังปีใหม่อาจพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว

วานนี้ 4 ม.ค.65 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้เดินทางเข้าประเทศมีโอกาสนำเชื้อเข้ามามากขึ้น จึงได้ชะลอการเข้าประเทศในระบบ Test & Go ซึ่งพบการติดเชื้อประมาณ 2% เหลือระบบภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และระบบกักตัว อย่างไรก็ตามผู้ที่ลงทะเบียนระบบ Test & Go ไว้และยังไม่ได้เดินทางมา ยังไม่อยากให้เดินทางเข้ามาในขณะนี้

เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงการนำเชื้อเข้าประเทศ จึงจะเสนอเลื่อนระบบ Test & Go ออกไปอีก ส่วนระบบแซนด์บ็อกซ์ จังหวัดที่มีความพร้อมสามารถขออนุญาตเปิดแซนด์บ็อกซ์เพิ่มเติมได้

สถานการณ์หลังปีใหม่

มีสัญญาณผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลังปีใหม่ เนื่องจากมีกิจกรรมเฉลิมฉลอง การเดินทางและท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดที่แหล่งท่องเที่ยวหรือเป็นเมืองใหญ่ที่คนต้องกลับเข้ามาทำงาน ดังนั้น หลังกลับจากปีใหม่ให้เฝ้าสังเกตอาการตัวเอง 14 วัน เน้นทำงานที่บ้าน หากต้องกลับเข้าทำงานให้ตรวจ ATK อย่างสม่ำเสมอ และหากพบผลบวกให้ติดต่อสายด่วน 1330 เพื่อลงทะเบียนและเข้าระบบดูแลรักษาที่บ้าน (Home Isolation)

หากพบการระบาดในโรงงาน ให้แยกมารักษา ไม่ควรปิดโรงงาน เพราะจะเกิดการกระจายตัวกลับบ้านทำให้เกิดการแพร่เชื้อมากขึ้น ซึ่งหากเร่งรัดการฉีดวัคซีน และยังป้องกันตนเองสูงสุดใช้มาตรการ COVID Free Setting จะช่วยให้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไม่สูงขึ้นเหมือนที่คาดการณ์ได้

ร้านอาหารกึ่งผับ ต้นเหตุหลายคลัสเตอร์

ส่วนแนวโน้มการติดเชื้อในประเทศระยะหลัง เกิดจากกิจกรรมรวมตัวโดยไม่ใส่หน้ากาก อยู่ในห้องปิดอับ โดยเฉพาะร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งผับบาร์ยังไม่มีนโยบายให้เปิด หลายร้านจึงปรับมาขออนุญาตเปิดเป็นร้านอาหาร แต่ยังปฏิบัติเหมือนเป็นผับบาร์ตามเดิม ไม่ทำตามมาตรการ COVID Free Setting เช่นกรณี จ.อุบลราชธานี พบมีการปิดม่าน อากาศไม่ถ่ายเท โต๊ะเก้าอี้หนาแน่น แสดงดนตรี ดื่มสุรา ส่งเสริมการขาย ไม่สวมหน้ากาก พูดคุยเสียงดัง และร้องเพลง ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งมีความผิดทั้ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ย้ำให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเข้มงวดสถานที่เสี่ยงเหล่านี้ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการให้ดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด ส่วนประชาชนขอให้งดไปใช้บริการเพราะอาจนำเชื้อกลับไปติดผู้สูงอายุที่บ้านและมีความเสี่ยงอาการหนักและเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ อีกประมาณ 1 เดือนจึงจะพิจารณาเรื่องการเปิดผับบาร์อีกครั้ง