ประเด็นสำคัญ
- อดีตพระไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ลาสิกขาแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
- มหาไพรวัลย์ ระบุสาเหตุจากประเด็นความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้งเจ้าอาวาส และประเด็นส่วนตัวที่แม่ต้องผ่าตัด
- รับ หมดศรัทธาในกับคณะสงฆ์ พระผู้ใหญ่บางรูป
…
วันนี้ ( 3 ธ.ค. 64 ) อดีตพระไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ “ มหาไพรวัลย์ “ อดีตพระลูกวัดวัดสร้อยทอง ให้สัมภาษณ์เปิดใจหลังลาสิกขา ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ ว่า
สาเหตุที่ตัดสินใจสึกในครั้งมี 2 เรื่อง คือการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมของทางคณะสงฆ์ กรณีการแต่งตั้งเจ้าอาวาส ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ และเนื่องจากตนเองเป็นลูกศิษย์ที่รักครูบาอาจารย์มาก จึงไม่อยากให้ครูบาอาจารย์ต้องเดือดร้อนเพราะตนเอง จึงตัดสินใจสึกมาดีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดเป็นประเด็นนำความลำบากใจมาให้และเจ้าคุณพระราชปัญญาสุธี รักษาการเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ก็ทำเพื่อคณะสงฆ์มานานเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุม รอบคอบ จึงไม่อยากให้ท่านต้องมาถูกรังแก ที่ตนเองทำให้ท่านเดือดร้อนและลำบากใจ เปรียบเสมือนเป็นลูกไม่อยากทำให้พ่อเดือดร้อนก็จึงขอออกมา
ส่วนอีกประเด็นที่ตัดสินใจสึกคือ วันนี้แม่เข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกมะเร็ง และไม่รู้ว่าหลังการผ่าตัดจะเป็นอย่างไร จึงสึกออกมาวันนี้เพื่อให้แม่ได้เห็นและได้กำลังใจจากตนเอง และวันนี้ยังไม่ได้กอดแม่เพราะแม่ต้องเตรียมผ่าตัด หมอให้เว้นระยะห่างก่อน
ซึ่งก่อนหน้าที่จะสึก แม่ก็โทรมาบอกให้อยู่ต่ออีกหน่อยได้ไหม แม่ยังอยากเห็นภาพมหาในชุดใส่จีวร แต่ตอนนั้นบอกแม่ว่า ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว และแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร และจากเดิมกำหนดสึกวันที่ 4 แต่กลัวสื่อเยอะ อยากสึกแบบเงียบๆ เลยเลือกจะสึกในวันนี้
ทั้งนี้ มหาไพรวัลย์ ยอมรับว่า
“ตอนนี้หมดศรัทธา กับคณะสงฆ์ พระผู้ใหญ่บางรูป เพราะรู้สึกแย่มาก แต่กับคำสอนของพระพุทธศาสนายังเต็มร้อย ไม่เคยหมดศรัทธากับศาสนา เพราะยังมีครูบาอาจารย์ก็ยังเคารพอยู่ และการสึกออกมา ไม่ได้จะออกมาแฉ เพราะไม่ได้เป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น”
ซึ่งถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ตนเองไม่ยุ่ง แต่หากมีอะไรที่เป็นประเด็นสาธารณะ การใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม การใช้กฎหมายจากสำนักงานพระพุทธศาสนา จากมหาเถระสมาคม ก็มองว่า ตนเองก็สามารถจะเป็นส่วนหนึ่งในการออกมาคอลเอ้า เตือน และพูดถึงได้
พร้อมยืนยันว่า หากสำนักงานพระพุทธศาสนาทำอะไรไม่เหมาะ จะขอเป็น 1 ในจำนวนชาวพุทธ หลายล้านคนที่จะออกมาคอลเอ้าท์ ในการใช้อำนาจของสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติแน่นอน เพราะสำนักงานพระพุทธศาสนา ก็เป็นองค์กรหนึ่งที่อยู่ได้ด้วยภาษีของประชาชน ดังนั้นสำนักงานพระพุทธศาสนาทำหน้าที่ตรวจสอบพระ ก็อยากจะให้ชาวพุทธทำหน้าที่ตรวจสอบสำนักงานพุทธฯ บ้างว่า ทำถูกต้องหรือไม่ ใช่อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่
โดยที่ผ่านมา มองว่า มีหลายเรื่องที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาทำไม่เหมาะสม เพราะสำนักพุทธ ทำหน้าที่เป็นองค์กรทางการเมือง โดยก่อนที่ตนจะสึก คนที่เป็นโจทย์ยื่นสอบตนเองก็คือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตนจึงมองว่ามันไม่ใช่หน้าที่ เป็นเหมือนหอกข้างแคร่ ส่วนประเด็นที่ตนเองถูกครวจสอบขณะเป็นพระคือ ไลฟ์สดไม่สำรวม หัวเราะมากไป รีวิวสินค้ามากไป แต่ตอนนี้สึกแล้วจะจัดเต็มตอนไลฟ์สดแน่นอน และยืนยันย้ำด้วยว่า ตนเองจะไม่ลงการเมือง จะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่จะพูดอะไรที่เกี่ยวกับความเป็นธรรมทางสังคม ในฐานะบุคคลไม่ใช่พูดในฐานะตำแหน่งทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม มหาไพรวัลย์ กล่าวอีกว่า ชีวิตหลังจากนี้ ก็จะใช้ช่องทางที่พอมีทางออนไลน์ ในเพจที่มีคนติดตามอยู่จำนวนมาก เป็นต้นทุนในการทำมาหากินได้ และที่เคยทำรายกับพระมหาสมปอง ก็ยังเป็นพิธีกรร่วมกันอยู่ และจากนี่ก็จะไปทำงานเพื่อสังคมร่วมกับหมอปลา และพระมหาสมปอง รวมถึงอาจจะแวะไปเยี่ยมเยีนชาวชุมชนวัดสร้อยทองด้วย แต่ยังไม่ใช่เร็วๆนี้
ภาพ – วิชาญ โพธิ