“ เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช “ เรือฟริเกตสมรรถนะสูง
วันนี้ ( 7 ม.ค. 62) ที่ ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี กองทัพเรือจัดพิธีต้อนรับเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือฟริเกตสมรรถนะสูงต่อจากสาธารณรัฐเกาหลี โดยมี พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี
โดยกองทัพเรือได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเรือลำนี้ว่า เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช อันเป็นพระนามของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งมีความหมายของ ภูมิพล หมายถึง “พลังแห่งแผ่นดิน” อดุลยเดช หมายถึง “อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้” ครั้งนี้ นับเป็นสิริมงคลและยังความปลาบปลื้มมาสู่กองทัพเรือและกำลังพลทุกคน อย่างหาที่สุดมิได้
โดยเรือฟริเกตลำนี้เป็นเรือฟริเกตสมรรถนะสูงเทียบเท่าชั้นเรือพิฆาต ที่ได้มีการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของกองทัพเรือตามแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์หลัก ภายใต้ยุทธศาสตร์กองทัพเรือ พุทธศักราช 2551 – 2560 แบบของเรือจึงได้รับการพัฒนามาจากแบบเรือพิฆาต ชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) และสร้างโดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และกองทัพเรือเกาหลีใต้ จึงถือได้ว่าเป็นเรือฟริเกตที่มีความทันสมัยและเป็นเรือที่มีคุณค่าทางยุทธการสูงซึ่งจะเป็นกำลังรบทางเรือที่สำคัญตามยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือดังกล่าว
เรือฟริเกต คือ เรือรบที่มีความเร็วสูง ที่มีหลายประเภทตามอาวุธประจำเรือ มีระวางขับน้ำประมาณ 1500–3500 ตัน แบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามระบบอาวุธประจำเรือ อาทิ เรือฟริเกตต่อสู้อากาศยานเรือฟริเกตควบคุมอากาศยาน เรือฟริเกตปราบเรือดำน้ำ และเรือฟริเกตอเนกประสงค์ เป็นต้น และสำหรับ ทั้งนี้เรือฟริเกตที่ได้จะเข้ามาประจำการใหม่นี้เป็นการจัดหาเพื่อทดแทนเรือที่ปลดระวางประจำการออกไป ซึ่งจัดเป็นเรือฟริเกตขีดสมรรถนะสูง มีศักยภาพทางการรบสูง จัดได้ว่าเป็นเรือรบที่มีศักยภาพในการทำการรบและความทันสมัยระดับนำของชาติอาเซียน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2552 กองทัพเรือได้ลงนามกับบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering CO., LTD. (DSME) จำกัด สาธารณรัฐเกาหลี สร้างเรือฟริเกตที่มีโครงสร้างเรือแข็งแรง มีโอกาสอยู่รอดสูงในสภาพแวดล้อมของการสู้รบและการปนเปื้อนทางนิวเคลียร์ เคมี ชีวะ ทนทะเลได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 6 ขึ้นไป
พร้อมระบบอุปกรณ์การถ่ายทอดเทคโนโลยีและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยมีระวางขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 น็อต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล กำลังพล 141 นายในวงเงิน 14,600 ล้านบาท กำหนดส่งมอบเรือใน1,963 วัน หรือภายใน 22 ธันวาคม 2561 ออกแบบเรือโดยใช้ Stealth Technology สามารถปฏิบัติการรบได้ 3 มิติ ได้แก่ การปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ สามารถตรวจจับเป้าหมายระยะไกลด้วยโซนาร์ลากท้ายและโซนาร์ติดใต้ท้องเรือ แล้วต่อตีเรือดำน้ำด้วยตอร์ปิโด และอาวุธระยะไกล การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ ใช้เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะไกล และระยะปานกลางในการค้นหา ตรวจจับ และติดตามเป้าข้าศึก
รวมทั้งแลกเปลี่ยนและประสานการปฏิบัติกับเรือและอากาศยานที่ร่วมปฏิบัติการ แล้วโจมตีเป้าหมายด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ แบบ ESSM และอาวุธปืนของเรือ และการปฏิบัติการสงครามเรือผิวน้ำ โดยมีระบบการรบ (Combat System) ที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบการรบของเรือฟริเกต ชุด ร.ล.นเรศวร และ ร.ล.จักรีนฤเบศร ได้ในลักษณะกองเรือ (Battle Group)
รวมทั้งปฏิบัติการรบร่วมกับ เครื่องบินขับไล่ ของกองทัพอากาศเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถโจมตีเป้าพื้นน้ำและใต้น้ำด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ ในส่วนการป้องกันตนเองประกอบด้วยอาวุธปล่อยนำวิถี ปืนใหญ่เรือ และปืนรองต่อสู้อากาศยาน ระบบอาวุธป้องกันระยะประชิด (CIWS) หรือที่รู้จักในชื่อฟาลังซ์ ระบบลวงทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมความเสียหายแบบรวมการที่สั่งการได้จากศูนย์กลางหรือแยกสั่งการ มีระบบควบคุมการแพร่สัญญาณออกจากตัวเรือ
อีกทั้งสามารถตรวจจับดักรับ วิเคราะห์ และก่อกวนสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าของเป้าหมายได้ด้วยขีดสมรรถนะที่ล้ำสมัยของเรือฟริเกตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช
ณ ขณะนี้ กองทัพเรือจะนำไปใช้ในภารกิจเพื่อป้องกันอธิปไตยทางทะเลของชาติ ดูแลรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล พิทักษ์รักษาสิทธิอธิปไตยทางทะเล ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ โดยเรือจะเข้าประจำการที่ กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ และจะได้ขอพระราชทานขอพระมหากรุณาธิคุณให้มีพิธีขึ้นระวางเรือ และเจิมเรือ ขึ้นอีกครั้ง ในห้วงระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป
รายละเอียดสมรรถนะที่สำคัญของเรือฟริเกตลำนี้
ขนาดของเรือ
– ความยาวตลอดลำ 124.1 เมตร
– ความกว้างกลางลำ 14.40 เมตร
– ความลึก 8.0 เมตร
– กินน้ำลึกเต็มที่ 4.3 เมตร
– ระวางขับน้ำ 3,700 ตัน
ระบบขับเคลื่อน
– แบบ Combine Diesel and Gas turbine (CODAG)
– เครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร MTU รุ่น 16V1163 M94 5,920 kW จำนวน ๒ ชุดเครื่อง
– เครื่อง Gas Turbine ตราอักษร GE รุ่น LM 2500 21,600 kW จำนวน 1 ชุดเครื่อง
ขีดความสามารถ
– ความเร็วสูงสุดต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30 นอต ที่ระวางขับน้ำเต็มที่
– ระยะปฏิบัติการ 4,000 ไมล์ทะเล ด้วยความเร็วมัธยัสถ์ (18 นอต) ที่ระวางขับน้ำเต็มที่
– มีดาดฟ้าเฮลิคอปเตอร์ พร้อมโรงเก็บอากาศยาน สามารถรองรับ S-70B/Sea Hawk และ MH-60S/Knight Hawk
– มีระบบป้องกันสงครามนิวเคลียร์/เคมี/ชีวะ (NBC Protection)
– โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์จำนวน 1 โรง สำหรับเก็บ ฮ. S-70b
– ดาดฟ้าเฮลิคอปเตอร์รองรับอากาศยานหนัก 10 ตัน พร้อมระบบชักลาก ฮ.
– ขีดความสามารถการปฏิบัติการร่วมกับ ฮ. ระดับ Level 2 class 2A
– ติดตั้งระบบ Visual Landing Aid (VLA) สามารถรับส่งอากาศยานได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
– มีระบบเติมน้ำมันเชื้อเพลิง
ให้อากาศยาน พร้อมถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ระบบอาวุธ
– ปืนหลัก 76/62 Oto-melera แบบ SR MF (V) จำนวน 1 แท่น สามารถยิงลูกปืน Vulcano ได้
– ปืนรอง 30 มม. MSI จำนวน 2 แท่น
– ปืนกลขนาด .50 นิ้ว จำนวน 2 แท่น
– เครื่องยิงตอร์ปิโดจำนวน 2 แท่น แท่นละ 3 ท่อยิง สามารถยิงลูกตอร์ปิโดแบบ MK54
– เครื่องยิงอาวุธปล่อยนำวิถีทางตั้ง (Vertical Launch System : Mk 41) สามารถยิงลูกอาวุธนำวิถีแบบอากาศสู่อากาศ แบบ ESSM ได้
– เครื่องยิงอาวุธปล่อยนำวิถีแบบพื้นสู่พื้นฮาร์พูน แบบ Advance Harpoon Weapon Control System : AHWCS จำนวน 2 แท่น แท่นละ 4 ท่อยิง สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนแบบ Block 2 ได้
– ปืนกลป้องกันตนเองระยะประชิด (CIWS) แบบ Phalanx Block 2B
– ระบบอำนวยการรบ ตราอักษร Saab แบบ 9LV Mk4
– เรดาร์ควบคุมการยิงแบบ CEROS 200
– ระบบนำวิถี CWI สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถี ESSM
– Electro-Optical Director แบบ EOS500
– ระบบ Target Designation Sight รุ่น Bridge Pointer
ระบบตรวจการณ์
– เรดาร์ตรวจการณ์อากาศระยะไกล 3 มิติ แบบ Sea Giraffe AMB ER
– เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ ระยะกลาง 3 มิติ แบบ Sea Giraffe AMB EP with Radome and Dual TWT
– มีโซนาร์
– มีระบบหมายรู้พิสูจน์ฝ่า
– มีระบบนำทางอากาศยาน
– ระบบกล้องตรวจการณ์กลางคืน
– ระบบ Communication ESM (CESM)
– ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์
– ระบบ Communication ESM
– ระบบเครื่องยิงเป้าลวง ตลอดจนเป้าลวงตอร์ปิโดแบบ ระบบเดินเรือแบบรวมการ (Integrated Bridge System : IBS)
– บริษัท Naval Group เป็นผู้บูรณาการระบบ IBS โดยใช้อุปกรณ์ของบริษัท Wartsila เชื่อมต่อกับเครื่องมือเดินเรืออื่นๆ แบบ Ethernet Network มีฟังก์ชั่นการใช้งานและระบบสำรองตามมาตรฐาน IMO ได้รับการรับรองจาก DNVGL สามารถส่งเป้า และสัญญาณ Radar Video ให้ระบบ CMS และสามารถแสดงค่าระบบขับเคลื่อน (รอบเครื่อง และพิทช์ใบจักร) ได้ ประกอบด้วยอุปกรณ์ และเครื่องมือเดินเรือดังนี้
– เรดาร์เดินเรือ X
– เรดาร์เดินเรือ S แบบ IP Radar
– จอแสดงภาพแบบ Multi Function Display
– ระบบ Warship Electronic Chart and Display System (WECDIS)
– Echo Sounder
ใช้เทคโนโลยีในการออกแบบเพื่อลดค่าอิทธิพลตัวเรือ ได้แก่
– ลดค่า Radar Cross Section, Under Water Radiated Noise
ลดค่า Infra-Red ด้วยการลดความร้อนจากท่อแก๊สเสีย, ลดค่า Magnetic Signature ด้วยการติดตั้งระบบ Degaussing ตราอักษร SAM Electronic
– มีระบบ IPMS
– สามารถทำหน้าที่ควบคุมเครื่องจักร ระบบขับเคลื่อน ระบบไฟฟ้า ระบบป้องกันความเสียหาย ระบบดับไฟอัตโนมัติ และป้องกันสงครามนิวเคลียเคมีชีวะ (NBC)
Firefighting system
– Damage control system –IPMS (Integrated Platform Management System)
– ติดตั้งระบบ NBC protection ตราอักษร Bruker และระบบชำระล้าง เพื่อให้สามารถปฏิบัติการในพื้นที่สงครามนิวเคลียร์ เคมี ชีวะ ได้
ระบบสื่อสาร
– เป็นแบบรวมการ (Integrated Communication System : ICS)
ระบบถือท้าย
– เป็นแบบ Rotary Vane Type มีจำนวน 2 ระบบ ซ้าย และขวา มอเตอร์ไฮโดรลิก, ระบบถือท้ายเป็นแบบ Rudder Roll Stabilizer ( RRS) ทำหน้าที่เป็นระบบกันโคลงในเวลาเดียวกัน
– ระบบถือท้ายแบบอัตโนมัติ
– สามารถใช้งานได้แบบ Emergency, Non Follow up, Follow up, Couse Control, Heading Control และ Heli Ops mode
ระบบรับส่งสิ่งของ และรับส่งน้ำมันในทะเล (RAS & FAS)
– มีสถานีรับส่งสิ่งของในทะเล ทำการรับส่งสิ่งของได้ด้วยวิธี Manila Highline และ Stream STAR Method
– มีสถานีรับน้ำมันในทะเล (FAS) จำนวน 2 สถานี และสามารถรับส่งสิ่งของทางดิ่ง (VERTREP) ได้
อย่างไรก็ตาม นาวาเอก สมิทนัท คุณวัฒน์ ผู้บังคับการเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช กำลังพลประจำเรือ 141 นาย จะเข้าประจำการใน กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ