ประเด็นน่าสนใจ
- ปภ. แจ้งเตือน จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยนาท เตรียมพร้อมรับมือน้ำล้นตลิ่ง
- เนื่องมาจากระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น
- เตือนผู้ประกอบกิจการและประชาชนในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม
วันนี้ 2 ต.ค.64 กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 3 จังหวัดได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยนาท เตรียมพร้อมรับมือน้ำล้นตลิ่งจากระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น โดยประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้ประกอบกิจการและประชาชนในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และลำน้ำสาขาเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำ
พร้อมประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการ
ให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
จากการติดตามสถานการณ์น้ำกับกรมชลประทาน พบว่า ช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2564 จังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C2 วัดได้ 2,666 ลูบาศก์เมตรต่อวินาที แม่น้ำสะแกกรังและลําน้ำสาขาวัดได้ประมาณ 392 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทําให้มีปริมาณน้ําไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาประมาณ 2,784 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ขณะที่พื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างเกิดสถานการณ์อุทกภัยบริเวณชุมชนริมตลิ่งนอกคันกั้นน้ำ จึงจำเป็นต้องใช้พื้นที่ว่างเหนือเขื่อนเจ้าพระยาชะลอน้ำไว้ ทำให้ระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นประมาณ 0.20 เมตร ส่งผลกระทบบริเวณอําเภอเมืองชัยนาท อําเภอวัดสิงห์ และอําเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท อําเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี และอําเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยน้ำจะเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าพื้นที่การเกษตรและชุมชนริมน้ำนอกคันกั้นน้ำประมาณ 700 ครัวเรือน
ทั้งนี้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยาและลำน้ำสาขา เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหารริมน้ำ แพเรือโดยสารสาธารณะ เป็นต้น ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด
รวมถึงเตรียมพร้อมในการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม และระมัดระวังอันตรายจากการสัญจรทางน้ำ อีกทั้งประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง