ประเด็นน่าสนใจ
- รัฐบาลมีการจัดเลี้ยงอาหารค่ำแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่สโมสรราชพฤกษ์ ย่านวิภาวดีฯ
- กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วม
- นายกฯ บอกเพื่อหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้า
- ยก เต้ มงคลกิตติ์ คือคนรุ่นใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวภายหลังจบงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลว่า
งานเลี้ยงดังกล่าว มาทานข้าวกับทุกคน มาเยี่ยมเยียนเขาหน่อย ส่วนเสียงไชโย 3 ครั้ง ไม่ใช่ไชโยในเรื่องอะไร เพียงแต่เราได้หารือกันว่า จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้
ทั้งหมดไชโยเพื่อประเทศไทย ตนคิดว่าจากพรุ่งนี้ไป ทุกอย่างจะราบรื่น แต่เราไปบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงต้องมองว่าประเทศชาติจะเดินหน้าไปได้อย่างไร วันนี้ทุกคนจึงได้มาคุยกัน นี่คือความเป็นหนึ่งเดียวของรัฐบาล ความเป็นหนึ่งเดียวของครม.
ซึ่งในงานเลี้ยงพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ได้พูดถึงพรรคเล็กเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไล โดยบอกว่า เดือน ม.ค. นายมงคลกิตติ์จะประพฤติตัวใหม่
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำมือเอานิ้วแตะไปที่ปากว่าจะพูดน้อยลง จากนั้นนายกฯ ได้ล็อกคอหยอกล้อนายมงคลกิตติ์ พร้อมกล่าวว่า นี่คือคนรุ่นใหม่ นายมงคลกิตติ์ก็ยกมือไหว้ตอบรับ
เเละอีกเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ เน้นสำคัญพิเศษ คือได้กำชับเรื่ององค์ประชุม ต้องเข้าประชุมสภากันให้ครบ ไม่ให้สภาล่มอีกเป็นเด็ดขาด
ไม่สน กิจกรรมวิ่งไล่ลุง บอกก็ว่ากันไป
อย่างไรก็ดีในวันเดียวกัน มีรายงานเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มเคลื่อนไหวนอกสภาด้วยการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงด้วย ว่า เรื่องนี้ก็ว่าไปเถอะ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่า นอกจากวิ่งไล่ลุง แล้ว ยังมีกลุ่ม วิ่งตามลุง ในวัน และ เวลาเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จะไปร่วมหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะในลำคอและพูดเพียงว่า เอาเถอะ วิ่งให้ทันก็แล้วกัน ก่อนที่จะเดินออกมาจากตึกบัญชาการ และคว้าไมโครโฟนของนักข่าว ที่อยู่ระหว่างสัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาพูดหยอกล้อกัน
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการจัดกิจกรรมแคมเปญ วิ่งไล่ลุงว่า ต้องดูว่าผิดกฎหมายหรือไม่ หากไม่ผิดกฎหมายก็สามารถทำได้ ซึ่งเมื่อถามพล.อ.ประวิตร ว่าลุงจะไปวิ่งที่ไหน พล.อ.ประวิตรได้ตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะว่า “ผมวิ่ง เดินยังไม่ได้เลย”