ค่าแรงขั้นต่ำ

รองโฆษก พปชร. ย้ำ!! ไม่ลืมสัญญาค่าแรง 425 บาท

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-6 บาททั่วประเทศ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 ว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ถึงจะปรับขึ้นในอัตราที่ไม่สูงมากนัก…

Home / NEWS / รองโฆษก พปชร. ย้ำ!! ไม่ลืมสัญญาค่าแรง 425 บาท

ประเด็นน่าสนใจ

  • คณะกรรมการค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-6 บาททั่วประเทศ บังคับใช้ 1 ม.ค.63
  • ฝ่ายค้านชี้รัฐบาลหลอกลวง หลังช่วงหาเสียงจะขึ้นค่าแรงเป็น 425 บาท
  • ด้านรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันขึ้นเป็น 425 บาท แต่สัญญาแน่นอน แต่ต้องทำแบบค่อยเป็นไป

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-6 บาททั่วประเทศ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 ว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ถึงจะปรับขึ้นในอัตราที่ไม่สูงมากนัก แต่จะเป็นผลดีให้เกิดการใช้จ่ายในระบบมากขึ้น รวมถึงเป็นการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนที่ตรงจุด และเป็นรูปธรรมที่สุด หรือที่เรียกว่า ประชาธิปไตยกินได้

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่ารัฐบาลหลอกลวง โดยช่วงหาเสียงประกาศจะขึ้นค่าแรง 425 บาทนั้น รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การขึ้นค่าแรงเป็น 425 บาท ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเมื่อเข้ามาเป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว ทางพรรคฯ ไม่ได้ลืมสัญญาประชาคม แต่ต้องพิจารณาบริบทต่างๆ ในปัจจุบัน เช่น ความพร้อมของปัจจัยทางเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการ และแรงงาน ที่สำคัญต้องให้แรงานทุกคนได้ประโยชน์จากนโยบายอย่างทั่วถึง เพราะหากปรับขึ้นในอัตราที่สูงในทันที หรือไม่รอบคอบ ก็จะมีผู้ประกอบการที่ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ผลเสียก็จะตกอยู่ที่แรงงานเอง

ดังนั้น ขอให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลพยายามสร้างความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีรายได้มากขึ้นอย่างแน่นอน ในส่วนของแรงงาน อยากให้มุ่งเน้นพัฒนาฝีมือเพิ่มขึ้น อัตราค่าแรงก็จะสอดรับเพิ่มขึ้นได้

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวด้วยว่า พรรคพลังประชารัฐเรียนรู้จากบทเรียนในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ประกาศขึ้นค่าแรง 300 บาทแล้ว ซึ่งทำให้อัตราค่าแรงขึ้นต่ำทั่วประเทศเพิ่มขึ้นถึง 70% ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจขนาดเล็ก กลุ่มเอสเอ็มอี และภาคอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมาก และแรงงานยังไม่ทันปรับตัวให้มีศักยภาพเพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน

ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการยิ่งต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น และขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศในการส่งออกลดลง การจ้างงานในบริษัทเล็กๆลดลง ส่งผลให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตไปในประเทศที่มีค่าแรงที่ต่ำกว่า ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านในการขึ้นค่าแรง