เกิดเหตุระเบิดเกิดขึ้นจำนวน 2 ครั้ง บริเวณด้านนอกสนามบินนานาชาติฮามิด การ์ไซ ในกรุงคาบูลของอัฟกานิสถาน ซึ่งมีกลุ่มชาวอัฟกันมายืนรอเพื่อหวังว่าจะได้หลบหนีออกจากประเทศอัฟกานิสถาน
โดยเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นครั้งแรก จอห์น เคอร์บี โฆษกเพนตากอน ระบุว่า เกิดขึ้นที่บริเวณทางเข้าสนามบินใกล้กับ Abbey Gate ในขณะที่ระเบิดครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ใกล้กับโรงแรมบารน ซึ่งในจุดนี้เป็นจุดที่มีการรวมตัวของชาวอัฟกัน ชาวอังกฤษ และชาวอเมริกัน รวมตัวรอการอพยพออกจากอัฟกานิสถาน
สำหรับรายงานผู้เสียชีวิตล่าสุดระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 90 ราย รวมถึงเด็กด้วย โดยทาง CENTCOM รายงานว่ามีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จำนวน 13 รายเสียชีวิต บาดเจ็บ 18 ราย ส่วนยอดผู้บาดเจ็บในขณะนี้อย่างน้อย 150 ราย
จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น มีระบุว่า มือระเบิดพลีชีพ จำนวน 2 ราย ในปฏิบัติการดังกล่าว โดยสำนักข่าว Amaq ของทางกลุ่ม ISKP ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มจัดตั้งรัฐอิสลามแห่งอิรักและ เลอแวนต์ (Islamic State of Iraq and the Levant หรือ ISIL ) ออกมาประกาศความรับผิดชอบในการโจมตีครั้งนี้ ผ่านทาง Telegram
สหรัฐฯ เคลื่อนไหวด้วยท่าทีแข็งกร้าว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ ทางการสหรัฐฯมีความเคลื่อนไหวด้วยท่าที่ที่แข็งกร้าวต่อการโจมตีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ พลเอกเคนเนธ เอฟ.แมคเคนซี จูเนียร์ ผู้บัญชาการของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ เตรียมพร้อมจะปฏิบัติการตอบโต้ต่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังในปฏิบัติการครั้งนี้
ทางด้านของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ระบุ ยังคงยืนยันในการที่จะเดินหน้าอพยพประชาชนออกจากกรุงคาบูล แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นก็ตาม พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวด้วยท่าที่แข็งกร้าวระบุว่า “เราจะไม่ลืม” – “เราจะไล่ล่าคุณ”
“We will not forget. We will hunt you down and make you pay. I will defend our interests in our people with every measure at my command.”
พร้อมกันนี้ ได้มีการลดธงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัยให้กับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่เสียชีวิตจากการโจมตีบริเวณสนามบินกรุงคาบูลในครั้งนี้ด้วย