หลอกแต่งงาน เสี่ยกำมะลอ เสี่ยท็อป

‘ทนายรณณรงค์’ แจงสาเหตุยุติช่วยพริตตี้สาว คดีเสี่ยท็อป

[อัพเดท] ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังมีการโพสต์ข้อความว่า ” เรื่องเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวหมื่นล้าน ทางทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์…

Home / NEWS / ‘ทนายรณณรงค์’ แจงสาเหตุยุติช่วยพริตตี้สาว คดีเสี่ยท็อป

ประเด็นน่าสนใจ

  • ทนายรณณรงค์ ได้โพสต์ข้อความประกาศยุติช่วยเหลือเจ้าสาว คดีเสี่ยท็อป
  • เผยสาเหตุมาจากฝ่ายเจ้าสาวผิดนัด ในการเดินทางไปแจ้งความที่กองปราบถึง 4 ครั้ง
  • โดยฝ่ายเจ้าสาว ระบุว่าจะให้ทางผู้ใหญ่ที่รู้จักกับตำรวจในกองปราบประสานงานให้

[อัพเดท]

ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังมีการโพสต์ข้อความว่า ” เรื่องเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวหมื่นล้าน ทางทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ และกลุ่มทนายความในเครือข่ายฯ ขอยุติให้ความช่วยเหลือทุกๆด้าน จะเกิดอะไรขึ้นไม่เกี่ยวกับทางกลุ่มอีกต่อไป ขอแจ้งให้ประชาชนทราบโดยทั่วกัน” เพื่อสอบถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการโพสต์ดังกล่าวว่าสาเหตุเกิดจากอะไร

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เปิดเผยว่า สาเหตุเกิดจากเรื่องส่วนตัวอย่างแรกเลยคือฝ่ายเจ้าสาวนัด ฝ่ายเรา 4 วัน 4 ครั้ง ยกเลิกทุกครั้ง กลางดึก ทางสำนักงานเรามีงานทำเป็นหลักแหล่ง มีการขึ้นศาลมีการว่าความมีการสืบพยาน ต้องไปโรงพัก เพื่อเก็บหลักฐาน แต่เขากลับมายกเลิกนัดหลายๆครั้ง 2 ครั้งแรกยกเลิกนัด ครั้งที่ 3 เปลี่ยนทนายเป็นทนายปิยะณัฐ แล้วก็ยกครั้งที่ 4 เปลี่ยนเป็นทนายผู้หญิง นัดแล้วก็ยกเลิก

แต่เหตุผลครั้งสุดท้ายที่เขายกเลิกตนรับไม่ได้ คือประเด็นที่ว่าเขาบอกว่าเขาคุยกับผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่จะพาไปแจ้งความเอง โดยผู้ใหญ่ของเขารู้จักตำรวจในกองปราบ สามารถนัดตำรวจในกองปราบให้ได้ จึงัดสินใจขอถอนตัวออกและถ้าเกิดอะไรขึ้น คดีนี้ไม่เกี่ยวกับเราอีก

ก่อนที่จะมีการโพสต์เราไม่ได้มีการพูดคุยกับเขาเพราะน้องเขากับเราพูดคุยกันมาตลอด คุยกับทนายเรามาเป็นสัปดาห์ มันเสียเวลาเราจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ทางด้านเสี่ยท็อป ก็ไม่เคยติดต่อมามีแต่ทางด้านทนายของเสี่ยท็อปที่ติดต่อมา เข้ามาคุยแต่เราไม่ขอคุย เพราะเขาไม่ใช่ทนายของเจ้าสาว เคสนี้จากที่มองตั้งแต่แรกจนถึงทุกวันนี้ทางเราก็แปลกใจว่าเขาไม่เอาผิดสักที นานจนเราสืบเจอผู้เสียหายทางนิตินัย

แต่เมื่อผู้เสียหายไม่ดำเนินคดีเราก็ทำอะไรไม่ได้ ทั้งให้ข่าวและสัมภาษณ์อย่างเดียวมันก็ทำไม่ได้ เราเป็นสำนักงานกฎหมายเป็นฝ่ายกฎหมาย ไม่ใช่ฝ่ายสื่อมวลชน คดีนี้มีการฟ้องร้องกันแล้วไม่สำเร็จเขาจะกลับมาก็ไม่ใช่ปัญหาของเราเป็นปัญหาของเขาเราหลุดพ้นจากคดีนี้แล้ว

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปทางเพื่อนของเจ้าสาวเรื่องการแจ้งความดำเนินคดี ได้รับคำตอบว่าอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ยังไม่ได้เดินทางไปกองปราบปรามแต่อย่างใด หลังจากรวบรวมหลักฐานครบแล้วจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป


ทนายรณรงค์ประกาศ ไม่ช่วยคดี “เสี่ยท็อป”

ความคืบหน้ากรณี “เสี่ยท็อป” หรือ นายธนณัฎฐ์ ที่หลอกพริตตี้สาว ชาวบุรีรัมย์แต่งงาน จนเป็นหนี้งานแต่ง 3.5 ล้านบาท จนโด่งดัง ล่าสุด ทนายรณณรงค์ ที่ได้จัดทีมทนายความเข้าช่วยเหลือพริตตี้สาวรายนี้ประกาศตัดความช่วยเหลือแล้ว

โดยวานนี้ที่กองบังคับการกองปราบปราม หลังจากพริตตี้อดีตภรรยา ของเสี่ยท็อป มีกำหนดการแจ้งสื่อว่าจะเข้ามาแจ้งความหากไม่ได้รับเงิน ค่าจัดงานแต่งมูลค่า 3.5 ล้านบาท แต่สุดท้ายตลอดทั้งวันพริตตี้สาวรายนี้ก็ไม่ได้เข้าแจ้งความแต่อย่างใด

ล่าสุด เฟซบุ๊ก “รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” ทนายควมชื่อดังที่ให้คำปรึกษาด้านคดีนี้ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เรื่องเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวหมื่นล้าน ทางทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ และกลุ่มทนายความในเครือข่ายฯ ขอยุติให้ความช่วยเหลือทุกๆ ด้าน จะเกิดอะไรขึ้นไม่เกี่ยวกับทางกลุ่มอีกต่อไป”

ขณะที่ทางด้านพล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการกล่าวถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรณีที่นายธนณัฎฐ์ สิริปิยพร หรือ “เสี่ยท็อป” ขณะนี้ทราบว่าตัวของนายธนณัฎฐ์ยังคงอยู่ในฮ่องกง และยังไม่ได้เดินทางต่อไปยังประเทศที่สาม ซึ่งสามารถอยู่ได้ระยะเวลา 30 วัน โดยใช้หนังสือเดินทางประเภทนักท่องเที่ยว

ส่วนเรื่องการประสานหมายจับจากตำรวจพื้นที่เกิดเหตุ ยังไม่ได้รับการประสานแต่อย่างใด หากมีการออกหมายจับและประสานงานมายัง บช.สตม. ก็จะทำการตรวจสอบและประสานกับอินเตอร์โพล เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข้อสงสัยว่าเสี่ยท็อปทำอาชีพอะไร

ฐานข้อมูลบริษัทจดทะเบียน จากเว็บไซต์ คอมพานี เฮาส์ ของกระทรวงพาณิชย์อังกฤษ ระบุว่าบริษัท “ลีโอ ลิงค์ อิงค์ ลิมิเต็ด” ยังมี นายธนณัฎฐ์ สิริปิยพร หรือ เสี่ยท็อป ไปร่วมจดทะเบียนไว้ที่อังกฤษเมื่อเดือนมกราคมปี 2015 อีกด้วย โดยมีชื่อนาย “จูเลียน วี หยี หรง”ชาวสิงคโปร์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ

ขณะที่เว็บไซต์คุ้มครองผู้บริโภคของอินเดีย ก็ระบุเช่นกันด้วยว่าทางการสิงคโปร์ ได้ประกาศให้ นาย “จูเลียน วี หยี หรง” มีสถานะกลายเป็นบุคคลล้มละลายตามกฎหมาย และเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งมิจฉาชีพข้ามชาติ ที่หลอกเหยื่อในการลงทุนในธุรกิจขนาดใหญ่ ด้วยเช่นกัน