‘กุ้งก้ามแดง‘ เป็นกุ้งตระกูลเครย์ฟิชสายพันธุ์ซี หรือ ‘ล็อบสเตอร์น้ำจืด‘ ซึ่งกุ้งสายพันธุ์นี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูกข้าว เลี้ยงกุ้งก้ามแดงในนาข้าวควบคู่กันไปด้วย เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีความต้องการสูงของตลาด กลุ่มคนเลี้ยงก็มีหลากหลายมากขึ้น ทั้งกลุ่มคนทำงานที่ต้องการหารายได้เสริม หรือกลุ่มมืออาชีพที่เลี้ยงเพื่อจำหน่ายเป็นรายได้หลัก
วันนี้ MThai News ในช่วง ‘เกษตรสร้างรายได้‘ ขอพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงการทำฟาร์ม ‘กุ้งก้ามแดง‘ และเทคนิควิธีการเลี้ยงรวมถึงช่องทางการตลาดกับคุณสุพรรณี ศิริสวัสดิ์ หรือคุณเก๋ อายุ 42 ปี อดีตพนักงานธนาคาร ปัจจุบันเป็นเจ้าของฟาร์มกุ้งก้ามแดง นนทบุรี ‘เอส ล็อบสเตอร์ ฟาร์ม‘ ( S Lobster Farm) ตั้งอยู่ภายในซอยวัดไผ่เหลือง ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
โดยคุณเก๋ เผยว่าจุดเริ่มต้นการหันมาทำฟาร์มกุ้งก้ามแดง เนื่องมาจากภายหลังได้แต่งงานก็ได้ออกจากงานประจำมาเป็นแม่บ้าน ซึ่งแต่ละวันก็อยู่ที่บ้านเฉยๆ จึงเกิดแนวคิดว่าอยากหารายได้เสริมจากการทำงานภายในบ้านของตนเอง จึงหันมาศึกษาเรื่องการเกษตร ตระเวนไปตามแหล่งจำหน่ายของที่เกี่ยวข้องกับด้านการเกษตร จนสุดท้ายตัดสินใจที่จะเลี้ยง ‘กุ้งก้ามแดง’ อย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงเพื่อสร้างรายได้เสริม ทำให้สนใจศึกษาและลงมือทดลองเลี้ยงอย่างจริงจัง
ครั้งแรกที่เริ่มเลี้ยงเมื่อปี 2556 คุณเก๋ซื้อพ่อแม่พันธุ์กุ้งก้ามแดง สายซี เป็นสายพันธุ์จากออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีการเลี้ยงในประเทศไทยมากว่า 20 ปี จึงมีความคุ้นเคยกับสภาพอากาศเป็นอย่างดี โดยซื้อมาจำนวน 5 ชุด หนึ่งชุดประกอบด้วย ตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 3 ตัว ราคาในขณะนั้นตกตัวละ 550 บาท ในช่วงแรกประสบปัญหากุ้งมีความเสียหาย เนื่องจากกุ้งกัดกินกันเอง จึงได้ศึกษาเพิ่มเติมและทดลองนำสิ่งของประเภทท่อ PVC ,ก้อนหิน หรือสิ่งของที่สามารถทำเป็นที่หลบภัยของกุ้งได้ เพื่อให้กุ้งแต่ละตัวมีอาณาเขตเป็นของตัวเอง ก็สามารถลดความเสียหายได้
จนประสบความสำเร็จสามารถเพาะเลี้ยงเป็นลูกกุ้งได้ ซึ่งจะเรียกกันว่า ‘กุ้งลงเดิน’ ฟักจากไข่ประมาณ 5-7 วัน ขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร ซึ่งแม่ไข่ 1 ตัวสามารถอุ้มไข่ได้ประมาณ 200-300 ฟอง หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของกุ้งด้วย ภายหลังจากได้ลูกกุ้งแล้ว คุณเก๋ก็เริ่มหาช่องทางตลาดไปติดต่อกับฟาร์มต่างๆ
ซึ่งราคาซื้อขายในขณะนั้น หากเป็น ‘กุ้งลงเดิน’ จะขายกันอยู่ที่ตัวละ 3 บาท โดยจะมีกลุ่มที่รับซื้อกุ้งก้ามแดงอยู่แล้ว ก่อนจะตัดสินใจเปิดเพจเฟซบุ๊กขึ้นมา เพื่อเป็นช่องทางการตลาดของตนเองผลตอบรับดีมาก หลังจากนั้นก็มีฟาร์มต่างๆ แห่มารับซื้อลูกกุ้งอย่างมากมาย เนื่องจากมีการบอกกันปากต่อปาก ซึ่งปัจจุบันราคากุ้งลงเดินจะอยู่ที่ตัวละ 10 บาทเลยทีเดียว
ทั้งนี้ที่ฟาร์มของคุณเก๋จะเป็นการเลี้ยงแบบฟาร์มปิด เนื่องจากเป็นการเลี้ยงภายในอาคารบ้านเรือน จึงมีพื้นที่จำกัดในการเลี้ยงดู จึงมีการแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือ บ่อสำหรับพ่อแม่พันธุ์กุ้ง 11 บ่อ ซึ่งเป็นบ่อที่สร้างโดยการใช้ก้อนอิฐแล้วใช้ผ้ายางปูบ่อปลา จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,500 บาทต่อหนึ่งบ่อ และบ่ออนุบาลจะเป็นใช้กระบะ หรือกะละมัง อีกประมาณ 10 บ่อ
ในเรื่องของน้ำที่ฟาร์มจะใช้น้ำประปาและใส่ผงแคลเซียม และเกลือ โดยจะมีสูตรคือปริมาณน้ำ 100 ลิตร ใส่เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ แคลเซียม 1 ช้อนชา เปิดออกซิเจนไว้ 1 ชั่วโมง ก็สามารถนำกุ้งลงได้แล้ว โดย 1 บ่อจะเลี้ยงกุ้งได้ประมาณ 40-50 ตัว ขนาดพ่อแม่พันธุ์ ซึ่งผงแคลเซียมจะช่วยให้เปลือกกุ้งมีความแข็งแรงมากขึ้น และควรเปลี่ยนน้ำทุกเดือนเพื่อให้น้ำมีความสะอาด เนื่องจากกุ้งก้ามแดงถ้ามีสารเคมีหรือสิ่งสกปรกก็จะทำให้กุ้งตายได้ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 26-27 องศาเซลเซียส
ส่วนอาหารหากเป็นกุ้งขนาดพ่อแม่พันธุ์จะเป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูป มีส่วนประกอบจากเนื้อปลาทะเล จะให้ 4-5 เม็ดต่อ 1 ตัว ในส่วนของกุ้งขนาดเล็ก จะให้เป็นแบบป่น ให้ปริมาณปลายช้อนชาต่อ 1 บ่อขนาดเล็ก เนื่องจากถ้าให้ในปริมาณที่มากจนเกินไป เศษอาหารจะสะสมทำให้น้ำเน่าเสียได้
การเจริญเติบโตของกุ้งนั้นจากขนาด ‘กุ้งลงเดิน’ ระยะเวลา 1 เดือนจะมีขนาด 1 นิ้ว ซึ่งกุ้งก้ามแดงมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วทุกๆ 1 เดือนจะมีขนาดเพิ่ม 1 นิ้ว อายุประมาณ 5 เดือนก็สามารถจำหน่ายเป็นพ่อแม่พันธุ์ได้แล้ว จะขายได้คู่ละ 980 บาท ขนาดประมาณ 4-4.5 นิ้ว ในการดูเพศนั้นตัวผู้จะมีเดือยที่โคนขาคู่แรกนับจากหาง และจะมีสีสันที่สวยงาม ส่วนตัวเมียจะมีรูที่โคนขาคู่ที่ 3 นับจากหาง
ซึ่งกุ้งตัวเมีย อายุประมาณ 4-5 เดือนจะเริ่มอุ้มไข่ ในช่วงนี้ควรหมั่นตรวจดูว่าเริ่มมีไข่ที่ใต้ท้องหรือยัง หากมีแล้วควรแยกออกมาในพื้นที่อนุบาล โดยกุ้งหลังจากอุ้มไข่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ก็จะออกมาเป็นตัวกุ้ง หรือที่เรียกว่า ‘กุ้งลงเดิน’ ซึ่งเป็นลูกกุ้งระยะ 5-7 วันโดยที่ฟาร์มจะได้เฉลี่ยประมาณ 1 หมื่นตัวต่อเดือน สามารถจำหน่ายได้แล้วในราคาตัวละ 10 บาท หากเป็นขนาด 1 นิ้วจะขายได้ตัวละ 30 บาท
ทั้งนี้ที่ฟาร์มของคุณเก๋ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้ามาซื้อที่ฟาร์มโดยตรง เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นคุณภาพของกุ้งอย่างชัดเจน ส่วนเรื่องรายได้นั้นสามารถสร้างรายได้ประมาณ 1 แสนบาทต่อเดือนเลยทีเดียว สำหรับการพัฒนาฟาร์มของคุณเก๋ เผยว่าในอนาคตเตรียมวางแผนเลี้ยงเป็นกุ้งเนื้อ เพื่อส่งตามโรงแรมต่างๆ นำไปทำเป็นอาหาร ซึ่งจะได้ราคาที่สูงกว่า
สำหรับวิธีการเลี้ยงสำหรับมือใหม่นั้น หากเป็นช่วงเริ่มแรกหรือทดลองเลี้ยง คุณเก๋แนะนำว่าควรหาวัสดุไม่ว่าจะเป็นกะละมัง หรือกระบะผสมปูน มีสภาพที่แข็งแรงและสามารถรองรับน้ำได้ เครื่องปั้มสำหรับสร้างออกซิเจนในน้ำ อุปกรณ์ที่หลบภัยสำหรับกุ้ง เท่านี้ก็เพียงต่อในการทดลองเลี้ยงแล้ว เมื่อเลี้ยงจนสามารถเพาะพันธ์ุได้แล้วที่ฟาร์มของคุณเก๋ยังเปิดรับซื้อกุ้งลงเดิน ซึ่งเป็นการหาช่องทางการตลาดให้สำหรับมือใหม่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะศึกษาการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงเพิ่มเติม หรือสนใจอยากซื้อพ่อแม่พันธุ์ รวมถึงกุ้งลงเดิน สามารถเดินทางไปได้ที่ ‘เอส ล็อบสเตอร์ ฟาร์ม’ ( S Lobster Farm) ตั้งอยู่ภายในซอยวัดไผ่เหลือง ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หรือโทรสอบได้ที่เบอร์ 085-915-3899
เรื่อง/ภาพ ธเนตร พุทธิตระกูล
ติดตามสกู๊ปข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com