กลุ่มไทยไม่ทน จตุพร พรหมพันธุ์

กลุ่มไทยไม่ทน ไล่ซ้ำ “บิ๊กตู่” หลังพบเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ฮุบประเทศ

กลุ่มไทยไม่ทน ไล่ซ้ำ "บิ๊กตู่" หลังพบเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ ฮุบประเทศ ชี้มีอำนาจเหนือการปกครองขณะที่ พรุงนี้ ถึงคิวฝ่ายค้าน จี้ให้ออกเพราะตรวจสอบรัฐบาลล้มเหลว

Home / NEWS / กลุ่มไทยไม่ทน ไล่ซ้ำ “บิ๊กตู่” หลังพบเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ฮุบประเทศ

ประเด็นน่าสนใจ

  • กลุ่มไทยไม่ทน ไล่ซ้ำ “บิ๊กตู่” หลังพบเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ ฮุบประเทศ ชี้มีอำนาจเหนือการปกครอง
  • จตุพร เผย วันนี้ยิ่งกว่าคำว่าทุนสามานย์เสียอีก ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ของประเทศก็ควรลาออกไป
  • จี้ฝ่ายค้านให้ออก เพราะตรวจสอบรัฐบาลล้มเหลว

วันนี้ ( 8 มิ.ย. 64) ที่ หน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ใกล้ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มไทยไม่ทน ‘คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย’ นำโดย อดุลย์ เขียวบริบูรณ์, จตุพร พรหมพันธุ์, วีระ สมความคิด เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยมี สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมารับหนังสือดังกล่าวแทน 

นายจตุพรกล่าวว่า ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางมาทำเนียบรัฐบาลเหตุผลหลักเพื่อต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เช่นเดิมแต่ประเด็นที่เพิ่มเติมในครั้งนี้ คือเรื่องของกลุ่มนายทุนผูกขาดเจ้าสัวโดยเฉพาะด้านพลังงานที่นับวันเริ่มมีอำนาจเหนือรัฐบาล และการบริหารการทำงานก็ทำให้กลุ่มนายทุนเหล่านี้ผูกขาดอย่างชัดเจน

ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยเจอระบบเช่นนี้ส่วนนายกรัฐมนตรีเองก็เป็นคนคุ้มดีคุ้มร้ายโกหกซ้ำไปมาและไม่เคยสำนึกในความผิดตัวเองสักครั้ง อีกทั้งการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันก็ล้มเหลว ฉะนั้นแล้วนายกรัฐมนตรีจึงต้องลาออกเพราะไม่ สามารถ รักษาผลประโยชน์ของชาติไว้ได้

นอกจากนี้หน้าจตุพรยังกล่าวอีกว่า อีกไม่นานแม่น้ำทั้งร้อยสาย จะเวียนมาที่ทำเนียบรัฐบาล อย่าคิดว่าเพราะสถานการณ์โควิด-19จะทำให้คนหวาดกลัวและไม่กล้าออกมาเคลื่อนไหว หากยังไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆได้พวกเขาเหล่านั้นจะมุ่งมาที่นี่

ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าตนเดินทางมาเพราะต้องการจะยื่นเรื่องนิรโทษกรรม ขณะนี้ยอมรับว่าไม่ได้คิดถึงประเด็นนั้นแล้วรวมถึงการปรองดองด้วยถือว่าหมดเวลาการพูดคุยทั้ง 2 เรื่องแล้ว

ด้านนายวีระ กล่าวว่า ยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ต้องการให้หัวหน้ากบฏบริหารประเทศต่อ กาบริหารประเทศมาแล้ว 7 ปี เป็นเวลานานมากพอแล้ว และย้ำว่า ความเสียหายที่สำคัญที่สุดคือเรื่องกลุ่มนายทุนพลังงานที่ผูกขาดมีอำนาจเหนือรัฐบาล การที่นายกรัฐมนตรียังคงดำรงตำแหน่งต่อไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีคนมาต่อต้านมากกว่านี้

ทั้งนี้กลุ่มไทยไม่ทน มีกำหนดการเดินทางไปรัฐสภา แห่งใหม่ในวันพรุ่งนี้ 8 มิ.ย. เพื่อยื่นหนังสือให้ประธานวิปฝ่ายค้านนายสุทิน คลังแสงลาออกจากหนึ่งในกลไกของรัฐสภาชุดพลเอกประยุทธ์

โดยในหนังสือมีใจความระบุว่า คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ได้ติดตามการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลวของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ประกาศลุกขึ้นต่อต้านและเรียกร้องให้พล. อ. ประยุทธ์ลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมืองเพื่อให้คนใหม่ที่สภาผู้แทนราษฎรเลือกขึ้นมาทำหน้าที่แทนเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิดระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นทางออกเดียวที่ประเทศชาติจะพ้นจากหายนะครั้งใหญ่อันเกิดจากความเห็นแก่ตัวและหลงติดอำนาจของหัวหน้ากบฏ

การบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลกบฏภายใต้การนำของ พล. อ.ประยุทธ์มีมากมายไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในสถานการณ์วิกฤตรอบด้านทำให้ตัวผู้นำเป็นอุปสรรค และศูนย์กลางปัญหาทั้งหมดผูกขาดอำนาจ จนสร้างความขัดแย้งบานปลายไปทุกหย่อมหญ้า แก้ไขปัญหาเชื่องช้าตามกลไกระบบราชการและมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการใช้อำนาจพิเศษมากมายที่เกิดผลกระทบสู่ประชาชนวงกว้าง

โดยเฉพาะการเอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้บรรดาเจ้าสัวในเมืองไทย และนักธุรกิจการเมืองที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่ ทั้งสัญญาสัมปทานโครงการร่วมทุน สัญญาจัดซื้อจัดจ้างรวมถึงการลดหย่อนภาษีและส่วนต่างทางเศรษฐกิจต่าง ๆ จนเกิดระบอบ “เศรษฐกิจทุนนิยมผูกขาดประชารัฐ” ขึ้นในปัจจุบันทำให้กลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำอย่างมาก ช่องว่างระหว่างคนจน-คนรวย ถ่างกว้างขึ้นเกิดการแบ่งแยกความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจจนตระกูลเจ้าสัว 24 ตระกูลในประเทศไทยและคนเพียง 1% ของประเทศนี้มีทรัพย์สินมากกว่า 67% ของประเทศนี้ อันเป็นผลมาจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์

ในด้านการผูกขาดเศรษฐกิจและการเมืองการฉ้อฉลอำนาจ เพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้องซึ่งมีอย่างมากมาย อาทิ รายชื่อคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลระบอบประยุทธ์ ทำให้ประชาชนไม่อาจยอมรับได้ประชาชนต้องการผู้มีความรู้ความสามารถโดยตรงมาแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง แต่รัฐบาลกบฏเอาคนไม่เหมาะสมกับงานมานั่งเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง แบ่งเก้าอี้กันโดยไม่ได้เห็นแก่ผลประโยชน์ของชาติและประชาชนตามสูตรการเมืองแบบเก่าที่ไม่พัฒนาที่เลวร้ายมีการเอารัฐมนตรีสีเทามาเป็นรัฐมนตรีโดยไม่แยแสต่อความรังเกียจของประชาชน

รัฐมนตรีบางคนมาจากมาเฟียผู้มีอิทธิพลเคยต้องคดีและติดคุกคดียาเสพติดมีแบล็คลิสต์ในต่างประเทศไม่สามารถเดินทางเป็นผู้แทนรัฐบาลไปประชุมต่างประเทศหรือสหภาพยุโรปได้อย่างเต็มภาคภูมิในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยนอกจากนี้คณะรัฐมนตรีจะนำข้าราชการปฏิบัติตามกฎหมายพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ.2562 ที่ออกมาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 76 ได้อย่างไรในเมื่อคณะรัฐมนตรีไม่มีคุณธรรมจริยธรรมเสียเอง

ดังนั้นคณะไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยจึงขอให้รัฐบาลกบฏลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อความเสียหายที่ก่อให้เกิดขึ้นกับประชาชนจากความเสียหายจากการรวบอำนาจสร้างระบบเศรษฐกิจทุนนิยมผูกขาดประชารัฐจนประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่รวยกระจุกจนกระจายจากการบริหารชาติบ้านเมืองที่ล้มเหลวเห็นแก่ตัวเพื่อเปิดโอกาสให้รัฐสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่มาแก้ไขปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองก่อนที่ประชาชนจะออกมาเดินขบวนขับไม่ให้ออกไป

ภาพ : วิชาญ โพธิ