ประเด็นน่าสนใจ
- ทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และ ทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว ได้มาถึงประเทศไทยแล้ววานนี้
- หลังหายไปจากประเทศไทยกว่า 50 ปี ก่อนไปปรากฎจัดแสดงอยู่ในประเทศสหรัฐฯ
- กรมศิลปากร เตรียมตัดพิธิบวงสรวง 31 พ.ค. นี้ ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร ได้เผยแพร่ภาพทับหลัง จำนวน 2 รายการคือ ทับหลังปราสาทหนองหงส์และปราสาทเขาโล้น ที่ทางสหรัฐฯ ได้ส่งคืนให้กับประเทศไทย โดยทับหลังทั้งสองรายการนี้ ได้เดินทางออกจากสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา และมาแวะพักที่เกาหลีใต้ ก่อนบินต่อมายังประเทศไทย โดยถึงท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ประเทศไทยเมื่อเวลา 18.30 น. วานนี้ ( 28 พ.ค. 2564)
ซึ่งในวันที่ 31 พ.ค. ที่จะถึงนี้ เวลา 17.00 น. ทางกรมศิลปากร จะมีการจัดพิธิบวงสรวงต้อนรับทับหลังทั้งสองรายการ ในวาระของการเดินทางกลับประเทศไทย หลังถูกนำออกนอกประเทศไปกว่า 50 ปี โดยพิธีบวงสรวงจะจัดขึ้นที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร
กว่า 50 ปีที่สูญหาย
สำหรับทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และ ทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว ทั้งสองรายการนี้ หายไปจากปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และ ปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว ตั้งแต่ราวปี พ.ค. 2500 ในช่วงเวลาของสงครามเวียดนาม โดยหลายฝ่ายเชื่อว่า เกี่ยวข้องกับการที่สหรัฐฯ มีการตั้งฐานทัพในประเทศไทยในช่วงเวลานั้น ซึ่งหลังจากที่มีการถอนกำลังกลับประเทศไป ก็มีทับหลังหลายชิ้นของประเทศหายไป และไปปรากฎอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานต่าง ๆ หลายแห่ง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ
โดย ทับหลังปราสาทหนองหงส์และปราสาทเขาโล้น พบว่า มีการจัดแสดงอยู่ที่ Asian Art Museum เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้เคยมีการส่งคืนทับหลังกลับมายังประเทศไทยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
ซึ่งที่ผ่านมาในการส่งคืนทับหลัง ที่โด่งดังและหลายคนรู้จักคือ ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ที่หายไปจากปราสาทพนมรุ้ง ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันคือ ปี 2502 -2508 ก่อนที่ไม่กี่ปีต่อมาจะไปปรากฎอยู่ที่ สถาบันศิลปะแห่งชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้มีการทวงคืนตั้งแต่ปี 2516 ต่อเนื่องเรื่อยมา แต่ไม่สำเร็จ และมีข่าวต่าง ๆ ตีกลับออกมา โดยอ้างว่า ไทยกล่าวหาว่า สหรัฐฯ และสถาบันดังกล่าว ว่าขโมยไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 2531 จากการดำเนินการที่ชัดเจนมากขึ้น ร่วมกับการนำเสนอของสื่อมวลชนทั่วโลก ทำให้กระแสทวงคืนทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก นำไปสู่กระแสการกดดันจนทำให้ สหรัฐฯ ส่งคืนทับหลังชิ้นดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีวัตถุโบราณในประเทศไทยอีกหลายรายการที่ยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบและดำเนินการทวงคืนอยู่ในขณะนี้
